16 March 2012

Our New Website

เว็บใหม่ของเรา

หลังจากเว็บเก่าของเราที่เปิดมาตังแต่ 2549 ล่มไป ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะเปิดเว็บขึ้นมาอีกครั้ง โปรดติดตามข้อมูลข่าวสสารจากเรา รวมทั้งกิจกรรมละครเวทีและศิลปะ ได้ที่หน้าเว็บใหม่นี้





12 March 2012

Creative Writng workshop




Creative Writing workshop
อบรมเขียนบทละครเวทีเบื้องต้น


พระจันทร์เสี้ยวการละคร จัดอบรมเขียนบทละครเวทีเบื้องต้น โดยเน้นการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานในการสร้างเข้าใจโครงเรื่อง การสร้างเรื่อง และ การหาเรื่องจากสิ่งรอบตัว คอร์สนี้เปิดรับผู้สนใจทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานการแสดงหรือการเขียนบทมาก่อน

สอนโดย
อรดา ลีลานุช
จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก St. Olaf College ทางด้าน Theatre ระดับปริญญาโทจาก Miami University ทางด้าน Theatre และ ระดับปริญญาเอกจาก Texas Tech University ทางด้าน Fine Arts (Theatre) โดยที่มีความสนใจทางด้านประวัติศาสตร์การละคร ทฤษฎีการละคร การเขียนบทละคร และการพัฒนางานเขียนของนักเขียนหน้าใหม่ ตอนนี้เป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาศิลปการละคร และที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

อบรมวันที่ 3-6 พฤษภาคม 2555 เวลา 10.00 – 17.00 น. (รวม 28 ชั่วโมง)
ที่ Crescent Moon Space สถาบันปรีดี พนมยงค์ (BTS ทองหล่อ)
***มีค่าลงทะเบียน****

ข้อมูลเพิ่มเติมโทร 08 - 1929 4246
อีเมล์ crescentmoontheatre@yahoo.com

Back to Basic acting workshop #6





Back to Basic acting workshop
อบรมการสดงเบื้องต้น


พระจันทร์เสี้ยวการละครจัดอบรมศิลปะการแสดงเบื้องต้นสำหรับผู้สนใจทั่วไป ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานการแสดงมาก่อน มุ่งเน้นปูพื้นฐานความเข้าใจการแสดง การสวมบทบาท และการด้นสด Improvisation


สอนโดย
สินีนาฏ เกษประไพ
นักแสดง ผู้เขียนบท ผู้กำกับละครเวทีกลุ่มพระจันทร์เสี้ยวการละคร
ศิลปินรางวัลศิลปาธร สาขาศิลปะการแสดงปี 2551


อบรมวันที่ 26-29 เมษายน 2555 เวลา 13.00 – 18.00 น. (รวม 20 ชั่วโมง)
ที่ Crescent Moon Space สถาบันปรีดี พนมยงค์ (BTS ทองหล่อ)
***มีค่าลงทะเบียน***



ข้อมูลเพิ่มเติมที่โทร 08 1929 4246
crescentmooontheatre@yahoo.com

29 February 2012

อบรมออกแบบแสง




พระจันทร์เสี้ยวการละครจัดอบรม
ออกแบบแสงสำหรับการแสดงบนเวที ครั้งที่ 5
(Stage Lighting Design workshop #5)



วันที่ 5 - 8 เมษายน เวลา 10.00-18.00 น.
ที่ Crescent Moon Space
อาคารสถาบันปรีดีพนมยงค์ ถนนสุขุมวิท 55 (ซ.ทองหล่อ)

สนใจดูรายละเอียด กรอกใบสมัคร แล้วส่งกลับมาที่
E-mail: lightingworkshop@yahoo.com

สอนโดย :
ทวิทธิ์ เกษประไพ
เริ่มทำงานแสงตั้งแต่สมัยเรียน จากนั้นทำงานกับบริษัทแสงอีกหลายบริษัทเป็นเวลาเกือบยี่สิบปี ใจรักงานละครเวที เกี่ยวข้องและทำแสงให้กับละครเวทีคณะต่างๆอีกหลายคณะ ออกแบบแสงละครเวทีให้กับพระจันทร์เสี้ยวการละครตั้งแต่ปี 2538 ออกแบบแสงและเป็น Technical Director ให้กับผลงานของ B Floor เกือบทุกเรื่องในช่วงแปดปีแรก (2542-2550) ปัจจุบันเป็น Technical Director ของพระจันทร์เสี้ยวการละคร ดูแลออกแบบแสงงานเกือบทุกเรื่อง นอกจากนั้นยังออกแบบแสงและหรือ Technical Director ให้กับกลุ่มละครอื่นๆอีกหลายกลุุ่ม
ผลงานออกแบบแสง เช่น
กูชื่อ..พญาพาน, พระมะเหลเถไถ, คือผู้อภิวัฒน์, มิดะ, Crying Century, The Edge, Venus Party, Eclipse, แอนธิโกเน, ความฝันกลางเดือนหนาว, Me Moment, Left Out, วาวา The Rice Child, 1=1=1, สาวชาวนา, ช่อมาลีรำลึก, I Sea, A Midsummer Night's Dream ฯลฯ

พิธีปิดเทศกาลละครกรุงเทพ ครั้งที่ 10




ขอเชิญร่วมงานพิธีปิดเทศกาลละครกรุงเทพครั้งที่ 10 วันที่ 4 มีนาคม 2555
จะมีการแจกรางวัลและเลี้ยงปิดกันที่ห้องอเนกประสงค์ ชั้น1หอศิลป์กทม.

กำหนดการ
13.00-15.00. ขึ้นเขียงกลุ่มเสาสูง(พูดคุยประสบการณ์การทำงานของกลุ่มนี้)
15.00-17.00. ละครร่วมสมัยอะไรหว่า: การสรุปภาพรวมวงการละครเวทีบ้านเราในช่วง10ปีที่ผ่านมาของ ครูอุ๋ย พรรัตน์ ดำรุง ใครอยากรู้จักวงการละครเวทีมากขึ้นน่าจะได้ประโยชน์ค่ะ มีคนมาพูดสรุปให้ภายในสองชั่วโมง
17.00-19.00. กินดื่ม(บรรยากาศสบายๆ กินไปเม้าท์ไป ใครอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็นำมาด้วยได้แบ่งปันกันได้ค่ะ)
19.00-21.00. การประกาศรางวัลจากชมรมวิจารณ์ละครเวทีไทย/ พิธีปิด

24 January 2012

แถลงข่าวเทศกาลละคร ครั้งที่ 10

Bangkok Theatre Festival # 10

เครือข่ายละครกรุงเทพ ร่วมกับ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย หอศิลแห่งกรุงเทพมหานคร ประชาคมบางลำพู และชมรมวิจารณ์ศิลปะการแสดง ได้ร่วมกันจัดงาน “เทศกาลละครกรุงเทพ ครั้งที่ ๑๐ Fast Forward”



เทศกาลละครกรุงเทพ เป็นเทศกาลทางด้านศิลปะการแสดงที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งเป็นอีเวนท์ที่มีการรวมกันอย่างคับคั่งของศิลปินด้านศิลปะการแสดงที่มีชื่อเสียง ซึ่งเคยได้รับรางวัลและการยอมรับในระดับนานาชาติ ตลอดจนกลุ่มผู้ที่กำลังศึกษาในศิลปะการแสดงจากสถาบันการศึกษาต่างๆ มาเปิดเวทีแสดงละครที่หลากหลายให้ผู้ชมจำนวนมาก ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ จนเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเทศกาลทางด้านศิลปะที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักของผู้ที่ชื่นชอบศิลปะการแสดงมากที่สุดเทศกาลหนึ่งของประเทศไทย โดยในปีนี้จะเป็นการจัดเทศกาลละครกรุงเทพครั้งที่ ๑๐ โดยมีการจัดงานระหว่างวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ จนถึงวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

เครือข่ายละครกรุงเทพ จึงขอเรียนเชิญท่านสื่อมวลชนร่วมงานแถลงข่าว ในวันพุธที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ เวลา ๑๔.๐๐-๑๕.๓๐ น. ณ ห้องออดิธอเรียม ชั้น ๕ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (สามารถเดินจากทางเชื่อมรถไฟฟ้า BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติได้) และร่วมชมการแสดงละครใบ้จากคณะเบบี้ไมม์ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มละครใบ้ชาวไทยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคณะหนึ่ง

see more:
http://www.bangkoktheatrenetwork.com/site/

12 December 2011

ประกาศแล้ว วันจัดงานเทศกาลละครกรุงเทพ ครั้งที่ 10




เทศกาลละครกรุงเทพ ครั้งที่ 10

ได้ฤกษ์จัดงานแล้ว คือ
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2555 - 4 มีนาคม 2555
สถานที่จัดงานที่เดิม คือ

สวนสันติชัยปราการ ร้านอาหารย่านบางลำพู และโรงละครในเครือข่าย
โปรแกรมการแสดง กำลังปรับปรุงจะแจ้งให้ทราบโดยเร็วนี้

โปรดติดตาม

04 December 2011

บทวิจารณ์ - อัสลาม (จาก A Day)

อัสลาม... จากเจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดาวดวงที่ 4: นิทานที่ไม่ได้เพ้อฝัน
เขียนโดย ณัฐพัชญ์ วงษ์เหรียญทอง
จากนิตยสาร A Day ฉบับ เดือนพฤศจิกายน 2554


นิทานนั้นมักถูกมองว่าเป็นเรื่องราวที่เพ้อฝันเป็นจินตนาการที่เอาไว้หลอกเด็กหรือกล่อมให้เด็กหลับก่อนนอนแต่ถ้าเราล่วงรู้ “หลัง” ของนิทานแล้ว เราก็สามารถรังสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ที่น่าทึ่ง เปลี่ยนแปลงหรือสะท้อนชีวิตหรือเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ได้
นั่นก็เหมือนกับกรณีของ “อัสลาม... จากเจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดาวดวงที่ 4” ผลงานละครเวทีเรื่องล่าสุดจากพระจันรท์เสี้ยวการละครฝีมือการเขียนบทและกำกับของ ฟารีดา จิราพันธุ์ ที่ทำให้โรงละครพระจันทร์เสี้ยวกลายเป็นโรงละครของความฝันและจิตนาการ แต่ขณะเดียวหันก็แฝงไว้ด้วย “ความจริง” อันละเอียดอ่อนและลึกซึ้ง

“อัสลาม... จากเจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดาวดวงที่ 4” เป็นละครเวทีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกันที่ตีพิมพ์อยู่ในหนังสือ “เจ้าหญิง” ของบินหลา สันกาลาคีรี ว่าด้วยเรื่องการตามหาดาวดวงที่ 4ของเจ้าชายทันทันตามจดหมายขอความช่วยเหลือที่ตัวเองได้รับ แต่เมื่อมาถึงดาวดวงที่ 4 เขาหลับพบว่าเจ้าหญิงเป็นมนุษย์คนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่บนดวงดาว เจ้าชายทันทันจึงมองหามังกรและสัตว์ร้ายที่เขาเชื่อว่าเป็นสาเหตุของความสูญเสียที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเขาได้ฟังเรื่องราวจากตัวหญิงเสียงเศร้าแล้ว เขาก็ได้พบความจริงหลายๆ อย่างที่ไม่เคยถูกพูดหรือตรงกับความเข้าใจของคนที่ดาวดวงอื่นๆ อีกทั้งเมื่อเขาได้ใช้เวลาร่วมอยู่กัยเจ้าหญิงบนดาวดวงที่ 4 แล้วก็ยิ่งทำให้เขาได้เรียนรู้เรื่องราวบนดาวดวงนี้ เช่นเดียวกับความคิดของมนุษย์ที่พยายามสื่งสารเข้าใจกันมากกว่าเพียงแค่คำพูดหรือสิ่งที่มองเห็นขับต้องได้

สำหรับบางคนแล้ว เรื่องราวของ “อัสลาม... จากเจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดาวดวงที่ 4” อาจจะเป็เนเหมือนนิทานสำหรับเด็กที่มีความสนุก น่ารักเต็มเปี่บมไปด้วยจินตนาการ แต่สำหรับหลายๆ คนที่เชื่อมต่อติดกับโลก ความจริงได้แล้ว เราก็แทบจะอินและน้ำตาไหลไปกับจุดเชื่อมโยงระหว่างดาวดวงที่ 4 และสถานที่ที่เรียกว่าประเทศไทยและชายแดนภาคใต้
อันที่จริง ละครเองก็บอกใบ้กับผู้ชมมากระดับหนึ่งในการเชื่อมโยงดังกล่ามเพราะเริ่มมาในฉากแรกของการแสดงก่อนจะเข้าเรื่องของอัสลาม ก็มีการอ่านบทสวดสรรเสริญพระเจ้าของ ศาสนาอิสลามก่อนจะนำไปสู่การร้องเพลงในภาษาถิ่นซึ่งพูดเกี่ยวกับประไทยที่เป็นดินแดนอันงดงามแต่แล้วก็จบลงที่ความรุนแรงและการสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งการเป็นเรื่องด้วยฉากนี้นี่เองกลายเป็นการปูและปรับความเข้าใจของผู้ผมตั้งแต่ต้นว่าละครกำลังพูดถึงประเด็นความจริงของสังคมมากกว่าจะมาเล่นนิทานสนุกๆก่อนนอน
เรื่องราวของเจ้าหญิงแสนเศร้าบนดาวดวงที่ 4 นั้น หลายๆ อย่างกลายเป็นเหมือนการต่อยอดของนิทานที่ละม้ายกับเหตุการณ์จริงอย่างน่าตกใจ ตั้งแต่เรื่องของการที่ดินแดนเคยสงบสุขจนมีคนมากมายเช้ามาเยี่ยมชมไม่เว้นว่างแต่แววันหนึ่งก็เกิดเหตุร้านจนอัศวินและเจ้าชายต่างๆ เข้ามาที่เวเวงนี้ก่อนที่ผู้คนที่มีชีวิตอยู่ก้ไร้ซึ่งความสุขในดวงดาวที่เคยเป็นบ้าน คงเหลือไว้แต่ความเศร้าที่เกิดจากความรุนแรงและความเจ็บปวดจากการสูญเสีย

ความรุนแรงอาจจะเป็นทางเลือกในแก้ปัญหาสำหรับคนบางกลุ่ม แต่ในขณะเดียวกันมันก็สร้างบาดเผลให้กับผู้คนมากมาย ท้ายที่สุด เราอาจจะไม่รู้สาเหตุของความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดในดาวดวงที่ 4 หรือโลกใบนี้นั้นท้จริงคือทางจระกับผู้ที่อยู่ตรงนั้นและทางอ้อมกับพวกเราที่อยู่ร่วมกันในสังคม บางที่ทางออกออกที่เราจะก้าวข้ามมันไปได้คือการพยายามหาวิธีสื่อสารและเข้าใจกันระหว่างเพื่อนมนุษย์ไม่ว่าจะชนชาติใดๆการมอบความรักจากใจถึงใจเหมือนอย่างที่นิทาน “โลกของเจ้าหญิงนกบินหลายกับเจ้าชายนกบินหา” ที่ถูกเล่าในละครได้เปรียบเปรยไว้ หากแต่เราควรรีบหาเวลาที่จะ ”เล่า” มันออกไปก่อนจะไม่มีใครในโลกหลงเหลือเพื่อฟังนิทานเรื่องนั้นเช่นดาวดวงที่ 4

แม้ว่าโปรดักชันของ “อัสลาม... จากเจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดาวดวงที่ 4” จะเป็นโปรดักชันละครขนาดกะทัดรัดในโรงละครเล็กๆ แต่วิธีการนำเสนอและใช้เทคนิคแสงที่ช่วยเติมเต็มและสร้างสีสันให้กับเรื่องได้อย่างดี ในขณะที่การแสดงแม้จะมีนักแสดงหลังเพียง 3 คนแต่ก็น่าสนใจและ น่าติดตามอยู่ตลอดเวลา

จุดที่น่าสนใจอันโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของละครคือการเลือกน้องทันทัน (ด.ช. ณัษฐภัทร์ คุ้มเมธา) ที่อายุเพียง 6 ขวบมาเป็นนักแสดงหลักซึ่งต้องต่อบทนักแสดงระดับผู้ใหญ่อย่างฟารีดา จิราพันธุ์ และ คอลิด มิดำ นั้นถือว่าเป็นเสน่ห์สคัญของเรื่องลีหลังแฝงในมุมมองการเชื่อมกันระหว่างโลกความจริงและโลกนิทานนิทาน ซึ่งต้องยอมรับว่าการได้น้องทันทันมาเล่นในละครกลายเป็นจิ๊กซอว์อย่างดีที่ทำให้ละครมีส่วนผสมระหว่างประเด็นที่หนัดกหน่วงกับความฝันและความหวังที่เราเห็นได้จากความบริสุทธิ์ของเด็ก

โดยส่วนตัวสำหรับผู้เขียนแล้ว เราสามารถรับรู้ได้ว่าฟารีดาสร้าง “อัสลาม... จากเจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดาวดวงที่ 4” ด้วยความรู้สึกที่เข้าใจและจริงใจกัยสิ่งที่ต้องการพูดอย่างลึกซึ้ง นั่งทำให้ละครกลายเป็นเป็นสื่อที่กำลังเล่าความจริงแต่อย่างใดสิ่งที่ตัวเธอเล่าและเล่นและความสามารถในการเล่า โดยสิ่งที่น่าเสียดายอย่างเดียวของโปรดักชันนี้คือการแสดงซึ่งจัดในเทศกาลศิลปะนานาพันธุ์นั้นมีเพียงแค่ 5 รอบ

ซึ่งมันคงจะดีไม่น้อยถ้ามีคนอีกมากมายได้ไปเยือนดาวดวงที่ 4 พร้อมกับเจ้าชายทันทัน และ เมื่อเป็นอย่างนั้น เราก็อาจจะเข้าใจกันและกันเพื่อยุติเรื่องร้ายๆ ในสังคมได้ในเร็ววัน

28 November 2011

Aslam Review from Bangkok Post



Southern storyteller
Aslam proves that stage actress Farida Jirapun is also a playwright and a director to be reckoned with
Published: 20/10/2011
Bangkok Post / Newspaper section: Life
by Amitha Amranand


Few productions on the Bangkok theatre scene have tackled the violence in the Deep South. None that I've seen have moved beyond beating around the bush. Granted, it's a very delicate and complex subject to handle, rendered more difficult for the artists by the geographical and cultural distance, not to mention the dearth of information. Not that any of these constraints should stop an artist from finding a way to dig deeper and create a work that moves and awakens. Many seem to flock to Worapot Phanphong's Thi Kerd Hade, a collection of articles about a year spent in the Deep South, as their number one reference. The book shines with compassion and is effective as an introduction to the problems in the South, but also drips with the romanticisation of the rural and small-town Muslim ways and lacks a critical edge.


Last week at Silpa Nana Pun Festival, Pridi Banomyong Institute's annual social- and political-themed art event, Farida Jirapun staged her Aslam... Jak Jaoying Siang Sao Hang Duangdao Duang Thi Si (Aslam... From the Sad-Voiced Princess of the Fourth Star). Adapted from two short stories from Binla Sankalakiri's SEA Write-winning book, Jao Ngin, the play is so far the most full-fledged theatrical creation about the southern unrest.

Aslam began as a staged reading two years ago at the Crescent Moon Theatre's Read to Peace event, in which Farida collaborated with Colid Midam, stringing together the lyrics of John Lennon's Imagine, the Muslim greeting "Aslamu alaikum" ("Peace be upon you"), and passages from the Koran. Both artists are Muslim and have produced smaller-scale pieces on issues surrounding Muslims in Thailand over the years. At last year's Crescent Moon's Play Reading: Women Read, Farida performed 'Lok' Kong Jaoying Nok Binlai Kub Jaochai Nok Binha (The 'World' of Bird Princess Binlai and Bird Prince Binha), the last tale in Binla's Jao Ngin.


Farida also cites poems by SEA Write recipient Zakariya Amataya and Worapot's famous book as sources of inspiration. Moreover, she dug into accounts, documented by researchers and academics, of the people in the three southernmost provinces who have lost their loved ones. Yet, it's the optimism and the child-like innocence of Binla's fables that become the wings and the weight of the play. Binla, a writer from the South, spoke in his SEA Write acceptance speech of his belief in the possibility of a resolution to the southern conflicts and also in the power of tales that foster love and compassion _ children's tales that don't lie to children.

Aslam begins with a scene between an old Muslim woman in a wheelchair (Farida) and her devout grandson (Colid). Instead of a realistic dialogue, the scene unfolds like a poem, with snippets of Lennon's Imagine, the Koran, loving banters, a recipe for kao yum (a Southern dish), songs about the South and prayers. Thai, English and Arabic swirl in the air. The scene intensifies as the grandson declares his love for his land, his desire to become a sharp shooter, his romantic notion of death _ all laced with anger, devotion, and pain. Through these two characters in the first scene, Farida paves a path for a story of the silenced and forgotten that is to come.




After the loss of her grandson, the old woman is visited by Prince Tantan (Nattapat Khummetha) from another planet. He has heard the cry of a sad-voiced princess and comes to rescue her only to find a cheeky old woman instead of a beautiful young princess like in the fairy tales. Here, Farida deftly fuses Binla's fables with a realist story of one woman's loss that grows into a story of a people's struggle against injustice. There are, however, moments where the words get thrown into a jumble as the actors get caught up in the child-like actions and adventure. Prince Tantan's curiosity becomes a game and ultimately a catharsis for the old woman. Little by little, her story transforms into both of their stories. The wide-eyed world of a child meets the tear-stained one of the old woman. Like Binla's last fable in the book about two birds spinning yarns for their unborn child _their "world" _ the woman and the child from an alien planet are also building a new world through the act of remembering and reconstructing.


Farida is one of the top stage actresses, but Aslam proves that she is also a playwright and a director to be reckoned with. Although the play hesitates and shies away from truly making the audience confront the harrowing reality in the South, it doesn't use the fables to romanticise the plight of the people. Instead, the interlacing of Binla's stories with her own blossoms into a colourful and moving new creation.

The effect is gentle, yes, but the assertion to be heard, to be documented and written down, and to be remembered, is a tough and uncompromising one. As a storyteller, Farida's in full possession of the story, as if not a single word were borrowed.

see :
http://www.bangkokpost.com/arts-and-culture/art/262256/southern-storyteller

photo by : Wichaya Attamat

21 November 2011

บทวิจารณ์ละครเวทีเรื่อง "อัสลาม"


นำบทวิจารณ์ละครเวทีเรื่องล่าสุดที่ผ่านไปแล้วของเรามาลงให้อ่านกันค่ะ


เสียง ‘อัสลาม’ อันแผ่วเบา ของเจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดาวดวงที่ ๔
โดย ชญานิน เตียงพิทยากร


ผมเริ่มเขียนถึงละครเวทีเรื่องนี้ หลังจากภาวะน้ำใกล้ถล่มกรุงเทพฯ กลบข่าวเหตุระเบิด 33 จุดที่จังหวัดยะลาจนเงียบกริบ – บังเอิญดีแท้ เพราะมันสอดรับกับสิ่งที่ละครพยายามจะสื่อ และภาวะ ‘ไปไม่ถึง’ ที่ละครประสบอยู่พอดี

‘อัสลาม… จากเจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดาวดวงที่ ๔’ กำกับและนำแสดงโดย ฟารีดา จิราพันธุ์ หนึ่งในนักแสดงละครเวทีหญิงที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย ปัจจัยนี้ช่วยเรียกคนดูได้มากพอประมาณอยู่แล้ว ทั้งจากกลุ่มผู้ชมละครขาประจำและขาจร บวกกับหน้าตาของละครหลังการโปรโมตที่เน้นความน่ารักของนักแสดงเด็ก (ณัษฐภัทร์ คุ้มเมธา) ที่ทำให้เกิดกระแสปากต่อปากหลังจากรอบการแสดงผ่านไประยะหนึ่ง




ละครดัดแปลงหนังสือรวมเรื่องสั้น ‘เจ้าหงิญ’ ของ บินหลา สันกาลาคีรี ได้น่าสนใจมาก ซึ่งผมเองเคยอ่านเมื่อนานมาแล้วทำให้ไม่แน่ใจว่าแง่มุมต่างๆ เหล่านี้มีอยู่ในหนังสือของบินหลาอยู่แต่เดิมหรือเปล่า แต่อย่างไรก็ดีการเล่าเรื่องความรุนแรงในสามจังหวัดภาคใต้ของฟารีดา โดยยืนพื้นบนเรื่องสั้นหลายเรื่องของหนังสือดังกล่าวก็ทำได้น่าสนใจ ทั้งการตีความเรื่องและการวางสถานะของตัวละคร





ฟารีดารับบทเป็น ‘เจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดาวดวงที่ ๔’ ผู้เป็นมุสลิม (เช่นเดียวกับตัวจริงของเธอ) ที่ได้พบกับเจ้าชายน้อยที่เดินทางมาจากแดนไกล และเป็นเพียงคนเดียวในหมู่เจ้าชายที่ไม่หลงทิศหลงทางจนได้มาพบเจ้าหญิง โดยในช่วงแรกของละครนั้นยังมีหลานชายของ ‘โต๊ะ’ (รับบทโดย คอลิด มิดำ ซึ่งเป็นมุสลิมเช่นกันกับฟารีดา) ที่ปรากฏตัวในฉากที่รุนแรงและยาวนานซึ่งอาศัยการแสดงอันทรงพลังล้วนๆ ก่อนที่ตัวละครนี้จะหายไป และกลับเข้ามาในฐานะ alter-ego ของเจ้าชายน้อย ผ่านการเล่าเรื่องที่ให้สองตัวละครสลับกันเข้าฉากไปมาอยู่ระยะหนึ่ง



ความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากละครจบคือ ละครดี แต่น่าเสียดาย จำนวนคนดูเต็มโรงละครในการแสดงรอบสุดท้ายเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม เกินกว่าครึ่งหัวเราะเอ็นดูกับความน่ารักของนักแสดงเด็กเป็นหลัก แม้กระทั่งในฉากที่เสนอสารซึ่งทั้งเศร้า ทั้งรุนแรง – ผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเนื้อหาที่ฟารีดาต้องการสื่อสาร ไปไม่ใคร่จะถึงคนดูเท่าไรนัก ทั้งที่สิ่งที่เธอกำลังพูดถึงคือการบอกให้ ‘คนนอก’ (ไม่ว่าจะนอกพื้นที่ หรือนอกบริบทศาสนาอิสลาม) เข้าใจสถานการณ์ ความเป็นไป และสิ่งที่พวกเขารู้สึกบ้าง


แต่ด้วยวิธีการที่เลือกนำเสนอ พลังของคำถามไม่พุ่งเข้ากระแทกใส่คนดู คำถามนี้จึงกลายเป็นคำถามที่ไม่มีใครเห็น ในระดับเดียวกับการเขียนตัวหนังสือบนกระดาษขาวด้วยลิควิดเปเปอร์ แล้วถือเดินไกลออกมาหลายเมตร มีไม่กี่คนเท่านั้นหรอกที่จะอ่านออก และเห็นว่านั่นคือคำถาม หรือคิดต่อได้ไกลถึงคำตอบ – เสียง ‘อัสลาม’ ของเจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดาวดวงที่ ๔ เป็นเสียงที่แผ่วเบาเกินไป เหมือนเจ้าหญิงเกรงว่าหากพูดดังเกินไป ผู้ชมจะหาว่ากิริยามารยาทไม่งดงามสมกับเป็นเจ้าหญิง หรือกลัวคนดูจะตกใจว่าทำไมเจ้าหญิงพูดอะไรรุนแรงเช่นนี้แล้วมีแรงสะท้อนกลับไป

ขอบคุณข้อมูลจาก :
http://www.siamintelligence.com/asalam-stageplay-review/

ภาพถ่ายโดย : วิชย อาทมาท


18 November 2011

ประกาศเลื่อนเทศกาลละครกรุงเทพ 2554




นำมาประกาศกันตรงนี้อีกครั้งกับการเลื่อนการจัดเทศกาลละครกรุงเทพในปีนี้

เทศกาลละครกรุงเทพ ๒๕๕๔
‎"ประกาศอย่างเป็นทางการ จาก เครือข่ายละครกรุงเทพ"
ขอเลื่อน "เทศกาลละครกรุงเทพ ครั้งที่ 10" (ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้น 19 พ.ย. - 4 ธ.ค. 2554)
ไปเป็นระยะต้นปีหน้า เมื่อกำหนดวันที่แน่นอนแล้ว จะแจ้งมาอีกครั้งในเร็วๆ นี้


Official Announcement from Bangkok Theatre Network (BTN)

Due to the serious huge flood in Bangkok as you have known well, The Bangkok Theatre Festival 2011 (which going to held on Nov 19 – Dec 4, 2011) has been postponed until further notice.
The new settle will be announced as soon as possible.

Sorry for the inconvenience.

We are looking forward to meet you in coming festival. Please keep in touch.





see:
http://www.bangkoktheatrenetwork.com/site/

22 September 2011

อัสลาม... จากเจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดาวดวงที่ 4

พระจันทร์เสี้ยวการละครเสนอละครเวที






"อัสลาม... จากเจ้าหญิงเสียงเศร้า
แห่งดาวดวงที่ 4"

เมื่อความหายนะ... ทำให้เรามาพบกัน...

... “หากการเริ่มต้นของความล่มสลายอุบัติขึ้น ณ ดาวดวงหนึ่ง...
เหลือสิ่งมีชีวิตเพียงสิ่งเดียวคือ เจ้าหญิงเสียงเศร้า...”


จากนี้ เธอประสงค์สิ่งใด???

แรงบันดาลใจจาก เรื่องสั้น "เจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดาวดวงที่สี่"
จากหนังสือ "เจ้าหงิญ" ของ บินหลา สันกาลาคีรี

ฟารีดา จิราพันธุ์ เขียนบทและกำกับ
แสดงโดย
ด.ช. ณัษฐภัทร์ คุ้มเมธา (น้องทันทัน)
คอลิด มิดำ และ ฟารีดา จิราพันธุ์

แสดงวันที่ 12-16 ตุลาคม 2554
เวลา 20.00
ณ โรงละครพระจันทร์เสี้ยว
บัตรราคา 250 บาท / น.ศ. 200
จองบัตรโทร 0811160066

ร่วมแสดงในงานเทศกาลศิลปะนานาพันธุ์ จัดโดย สถาบันปรีดี พนมยงค์

08 September 2011

เสียงจาก film virus

เสียงสะท้อนจากผู้ชม "เส้นด้ายในความมืด" จากบล็อก Film Virus





ฟิล์มไวรัส นิยมคนที่กล้าจับงานละครอิงโบราณ ไม่ว่าจะเป็นกรีก อังกฤษ แล้วปรุงใหม่สไตล์ modern แบบที่ Derek Jarman เคยทำหนังจากละครของ Christopher Marlowe และ Shakespeare ในรูปแบบ modern dress มาแล้ว และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกของ A Thread in the Dark ในรูปแบบการแสดงแบบ modern dress








เส้นด้ายในความมืด
A Thread in the Dark
Original play by Hella Haasse
แปลโดย ศรวณีย์ สุขุมวาท
กำกับการแสดงโดย สินีนาฏ เกษประไพ / พระจันทร์เสี้ยวการละคร

“การนิ่งเงียบคือการยอมรับ”

การไม่ตั้งคำถามต่อการใช้อำนาจ คือการสมรู้คนผิด
การร่วมหัวจมท้ายกับคนและคำโกหก คือการสมคิดปกปิดความจริง

ถ้า Ibsen, Strindberg และ R. W. Fassbinder ให้คำจำกัดความของผู้หญิงยุคก้าวหน้าใต้การปกครองในศตวรรษต่าง ๆ ได้อย่างงดงามแล้ว เฮลล่า ฮัสเซ่อ (Hella Haasse) ก็ได้ให้นารีนิยามอีกบทที่น่าทึ่งไม่น้อยไปกว่า และนี่คือละครแห่งปีที่ครบถ้วนทุกเฉดสีทางพฤติกรรม มากมุมด้วยวิถีการตีความที่เหมาะเหม็งกับการเมืองทุกยุคสมัย

ละครของ เฮลล่า ฮัสเซ่อ นักเขียนชาวดัทช์ เป็นงานชิ้นเอกอีกเรื่องที่ สินีนาฏ เกษประไพ นำเสนอได้อย่างแยบคายและทรงพลัง ด้วยบทละครที่สะท้อนภาพกลวงโบ๋ของเหล่าวีรบุรุษและผู้ปกครอง ซึ่งกู่ก้องสถาปนาปักฐานอำนาจตัวเองอยู่บนไหล่ประชาชื่น (มื่น) ได้ถึงทุกวันนี้ด้วยคำลวง หนทางแห่งความจริงซึ่งเลือกที่จะเร้นกายดีกว่า ถ้ามันนำมาซึ่งผลประโยชน์และความอยู่รอดของบัลลังก์อำนาจ มันเป็นดั่งศิลายักษ์ที่แม้แต่ความรักและเส้นด้ายอันบอบบางยังไม่อาจนำทางออกจากความมืด ศรัทธาและความบริสุทธิ์ที่หวังจะแลกมาซึ่งสัจธรรมเป็นของฟุ่มเฟือยที่โลกไม่ต้องการ แต่อย่างไรคนที่ซื่อสัตย์กับตนเองก็ยังใฝ่หา แม้รู้ว่าปลายทางอาจเป็นเพียงฝันแล้ง

ฟิล์มไวรัส ขอแซ่ซ้องแก่ผู้ที่ยังคงศรัทธา แม้จะแพ้พ่าย

อย่าพลาดชมเด็ดขาด
เช็ครอบและวันแสดงได้ที่:
http://twilightvirus.blogspot.com/2011/08/thread-in-dark.html




เกี่ยวกับผู้แต่งบทละคร Hella Haasse:
http://en.wikipedia.org/wiki/Hella_Haasse



A Thread in the Dark - Video by Nophand

New Video by Nophand
A Thread in the Dark
a play directed by Sineenadh Keitprapai








ยังเหลือการแสดงอีก 5 รอบสุดท้าย 8-12 ก.ย. นี้
รอบเวลา 19.30 น.
แสดงที่ เดโม่เครซี่เธียเตอร์สตูดิโอ (ลุมพินี)


our last 5 show 8-12 Sept, 2011 Time 7.30 pm.
at Democrazy Theatre Studio (Lumpini)
with Engkish surtitle


04 September 2011

เสวนาหลังละครกับผู้แปลบท "เส้นด้ายในความมืด"

ละครเวทีเรื่องใหม่ล่าสุดของเรา "เส้นด้ายในความมืด" เปิดทำการแสดงเป็นรอบที่สองไปแล้วเมื่อคืนนี้ full house ขอแสดงความขอบคุณท่านผู้ชมที่ให้การสนับสนุน และขอขอบคุณเป็นพิเศษกับคณะอาจารย์ และนักศึกษาภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ มช. ทั้งศิษย์เก่าและปัจจุบันที่มาชมและอยู่ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเรา



เมื่อคืนเราจัดเสวนาหลังละครกับผู้แปลบท ผศ.ศรวณีย์ สุขุมวาท ผู้กำกับ สินีนาฏ เกษประไพ และอาจารย์คำรณ คุณะดิก ครู ผู้กำกับ ผู้ก่อตั้งพระจันทร์เสี้ยวการละคร ซึ่งเป็นไปอย่างสนุกสนานที่ได้แลกเปลี่ยนและปะทะสังสรรค์ทางความคิด เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับเรา