แอนนาเป็นศิลปินหุ่นเงา จากประเทศเยอรมัน ปรกติงานของแอนนาจะทำงานคนเดียว ลักษณะงานคือเขาจะตัดหุ่นเงาขนาดใหญ่วางบนหน้าจอ และจะตัดตัวละครให้เล็กพอเหมาะกับฉากแล้วเชิดหน้าฉาก ทำให้สามารถเห็นสีของวัสดุที่ใช้ได้ชัดเจนขึ้น เรื่องที่แอนนาเล่าจะแต่งขึ้นเอง หรือดัดแปลงจากนิทานหรือเรื่องเล่าของประเทศที่เธอไปทำการแสดง งานนี้พี่นาดและพี่ผึ้งเข้ามาช่วยดูแลกระบวนการทั้ง 4 วัน
วันที่ 1 เราเริ่มจากแนะนำตัว และเริ่มเขียนวัสดุ อุปกรณ์ที่เรามี และเราจำเป็นต้องใช้ แล้วก็เริ่มโยนไอเดียในการทำงานเริ่มจากประเด็นการเดินทาง และการอยู่ในที่ใหม่ โดยให้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เดินทางของแต่ละคน จนมีหลายประเด็นที่สนใจ แล้วลองสร้างภาพใหญ่ 5 ภาพว่าเราเห็นอะไรกันบ้าง แล้วลองเล่าเติมเต็มภาพเหล่านั้น
แล้วเริ่มเขียนสิ่งที่ต้องสร้างให้ปรากฎตามภาพ
วันที่ 2 เราสร้างกล่องที่สำหรับเอาไว้ฉาย และสร้างหุ่นเงาต่างๆ ในแต่ละซีน ได้แอบดูแอนนาตัดกระดาษเป็นตัวละครโดยไม่ต้องร่าง และได้เห็นเทคนิคการใช้กระดาษกาวกับไม้ทำที่เชิดที่สามารถพลิกไปมาได้
วันที่ 3 เราได้เอาของที่ทำไว้ประกอบให้เกิดเป็นฉาก และหาของที่มีอยู่แล้วมาเสริมเติมแต่ง และหาวิธีเล่นกับมัน วันนี้เราก็ยังคงตัดหุ่นและทำของเพิ่มอีก ตัวละครที่คิดไว้ไม่พอ หรือนึกสนุกเจออะไรระหว่างทางก็ตัดเพิ่ม แล้วเราก็เริ่มทดลองประกอบซีนที่คิดไว้ตั้งแต่แรก แอนนาเล่นแบบด้นสดซึ่งคนที่เล่นด้วยต้องดูและฟังกัน เธอพากย์สดและความสดใหม่ก็ทำให้เจอจังหวะเล่น เราประกอบร่างเสร็จดึก จึงรันเร็วอีกรอบเพื่อให้วันรุ่งขึ้นไม่ลืม(แต่เอาจริง…ลืม)
วันที่ 4 วันนี้เราต้องนำการแสดงที่สร้างร่วมกันมาทำการโชว์เคส เราได้ทวนกันรอบนึงก่อนการแสดงเริ่ม และจัดระเบียบการวางหุ่น ซึ่งสิ่งนี้สำคัญต้องมี เพื่อทำให้นักแสดงจำได้ว่าของอยู่ที่ไหนตัวไหนต้องส่งต่อ ตัวไหนต้องใช้ซ้ำต้องเก็บให้ดี และก็ถึงเวลาแสดง แอนนาบอกตื่นเต้น ผมเองก็บอกว่าตื่นเต้นเหมือนกัน คนดูเยอะกว่าที่คิดไว้ มีแฟนคลับแอนนาที่มาไกลจากกาญจนบุรีมาดูเธอแสดง เราค่อยๆเล่นไปจนปัญหาเกิดข้างหลัง หุ่นหมาที่แอนนาต้องเชิดไม้เชิดหลุดแล้วกาวดันติดกัน แต่เราก็ค่อยๆแก้ไป เล่าไปอย่างตั้งใจ มันดีนะกับภาวะการต่อสู้เพื่อให้หมากลับมาเชิดได้เพราะหมาเขาออกหลายตอนทีเดียว เรื่องดำเนินไป….จบการแสดงลงด้วยเพลงกล่อมเด็ก ไฟดับ… จบเเล้วหรอ คิดในใจว่าเร็วจัง
ขอบคุณนักแสดงและทีมงานทุกคน ตัวละครทุกตัว และขอบคุณคนดู
บันทึกโดย เบญจ์ บุษราคัมวงศ์
Photo : Chaiwat Khamdee
No comments:
Post a Comment