10 May 2014
ทำอย่างไรให้โง่
สูจิบัตร ทำอย่างไรให้โง่
นักแสดง
ฐิตวินน์ คำเจริญ (ดีเจ ปาล์ม Fat Radio)
ปี 2540 เคยแสดงละครกับพระจันทร์เสี้ยวการละคร เรื่อง หมู่บ้านจกจ้วง และ นายและนางสาว
มาราธอน หายจากวงการละครเวทีไปหลายปี และเริ่มกลับมาแสดงละครอีกครั้งใน The Odd couple
และ ฉุยฉายเสน่หา ตอนนี้กำลังจะตกงานจากการเป็นดีเจมา 13 ปี ที่ Fat Radio ซึ่งเป็นภาวะเดียวกับ
ตัวละครในเรื่องนี้ และเกลียดฝรั่งเศสมาก รับบทเป็น อองตวน ตัวเอกของเรื่อง M.Antoine”ทำอย่างไรให้โง่”
ศิรเมศร์ อัครภากุลเศรษฐ์ (ศิรเมศร์ จอมซน)
จบวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ นักแสดงมากความสามารถจากกลุ่มละคร New Theatre
Society มีผลงานการแสดงต่างๆ ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังละครเวที ละครเพลง ทีวี โฆษณาและ ผลงาน
ล่าสุดคือ ละครเวทีเรื่อง สิทธารถะ ส่วนในละครเรื่องนี้เขามารับบทนักแสดงที่ต้องเปลี่ยนบทบาททั้งหมด
7 คาแรคเตอร์ แต่จะเป็นอะไรบ้างนั้นติดตามชมได้ในละครเวทีเรื่อง M.Antoine “ทำอย่างไรให้โง่”
ลัดดา คงเดช (ผึ้งไม่น้อย ไม่คอยใคร)
เริ่มทำละครตั้งแต่สมัยเรียน เข้าร่วมเป็นสมาชิกพระจันทร์เสี้ยวการละคร ปี2553 จากละครเรื่อง
คือผู้อภิวัฒน์ และผลงานล่าสุดกับพระจันทร์เสี้ยวการละครเรื่อง ผีแมวดำ ในเทศกาลศิลปะนานาพันธุ์ 2556
ปัจจุบันเป็นผู้ประสานงานคณะละครยายหุ่น อกหัก และตกงานแต่ไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตาย ละครเรื่องนี้ เธอ
รับบทบาทที่หลากหลายถึง 5 คาแรคเตอร์ ติดตามการแสดงของเธอได้ใน M.Antoine “ทำอย่างไรให้โง่”
เบญจ์ บุษราคัมวงศ์ (BB)
ร่วมงานละครกับพระจันทร์เสี้ยวการละครครั้งแรกตั้งแต่สมัยเรียนที่คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ในงาน
อ่านเรื่องรัก และเป็นสมาชิกพระจันทร์เสี้ยวการละครในปี 2553 จากการเป็นผู้กำกับเวทีละครเรื่อง
คือผู้อภิวัฒน์ ผลงานการแสดงล่าสุดคือ ละครเวทีเรื่อง ปีศาจหัวโต ปัจจุบันเป็นครูสอนวิชาสังคมศึกษา
ที่โรงเรียนภัทราวดีมัธยมศึกษา รับบทเป็น ผู้กำกับเวที ในเรื่อง M.Antoine “ทำอย่างไรให้โง่”
นักแสดงรับเชิญ
สุกัญญา เพี้ยนศรี
ณัชศลิษฏา วัลย์ณัฐประภา
เรื่องย่อ
“ความคิดนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่จงใช้ชีวีให้คุ้มค่า” ละครเวทีเรื่อง M.Antoine “ทำอย่างไรให้โง่” ดัดแปลงจากวรรณกรรมฝรั่งเศสเรื่อง Comment je suis devenu stupide ของผู้เขียน Martin Page เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มชื่อ อองตวน เขาเป็นคนฉลาดเป็นนักอ่านตัวยง ความฉลาดของเขาทำให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาและความเครียดมากมายราวกับว่ามันเป็นโรคร้ายที่คอยกัดกินชีวิตเขา เขาเลือกที่จะก้าวข้ามไปสู่อาณาจักรแห่งความโง่เขลาด้วยวิธีต่างๆ เช่น กลายเป็นคนติดเหล้า พยายามฆ่าตัวตาย หรือเสนอให้หมอประจำตัวผ่าตัดเอาสมองออกบางส่วน หนทางการแสวงหาความสุขที่ประหลาดของอองตวนจะดำเนินต่อไปนั้น...อาจทำให้คุณได้คิดอะไรบางอย่าง
สารจากผู้กำกับ
วรรณกรรมฝรั่งเศสเรื่อง “ Comment je suis devenu stupide ” ของผู้เขียน Martin Page
เป็นหนังสือที่อ่านแล้วประทับใจมากๆ ตอนเรียนอยู่ปีสอง และด้วยภาวะหลายอย่างในชีวิตเริ่มคล้ายกับ
ตัวละครหลังจากที่เรียนจบ จึงเกิดแรงบันดาลใจให้หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาทำ เรื่องราวนำเสนอคณะละคร
กลุ่มหนึ่งที่ต้องการทำละครเรื่อง M.Antoine “ทำอย่างไรให้โง่” แต่เกิดเหตุ ผู้กำกับหาย และบทละครไม่
เสร็จ เหลือแต่นักแสดง ผู้กำกับเวที และทีมงาน ละครจะต้องเล่นต่อไปหากยังมีผู้ชมรอดู ละครจะเป็น
อย่างไร และผู้กำกับหายไปไหน ทีมงานทั้งหมดจะแก้ปัญหาอย่างไรให้ละครสามารถแสดงได้...และความ
ยุติธรรมของคนดูอยู่ที่ไหน
ดัดแปลงบทและกำกับการแสดง : เบญจ์ บุษราคัมวงศ์ /
อำนวยการผลิต : เบญจ์ บุษราคัมวงศ์ /
ออกแบบและควบคุมแสง : กันต์ดนัย โชติกประคัลภ์ /
ควบคุมเสียง : พิชญ์วัฒน์ ชัชวาลย์ / ที่
ปรึกษาเทคนิคฝ่ายแสง : ทวิทธิ์ เกษประไพ /
กำกับเวที : สุธี ใจเพ็ง, กอใจ อุ่ยวัฒนพงศ์ /
ออกแบบฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก : พิชญ์วัฒน์ ชัชวาล /
ถ่ายภาพนิ่ง :จิรัชพงศ์ เรืองจันทร์, จิรณัทย์ เจียรกุล /
เสื้อผ้า : ศรวณี ยอดนุ่น, ชาคริยา ถิ่นจะนะ /
ฝ่ายบัตรและต้อนรับ : ชาคริยา
ถิ่นจะนะ, กอใจ อุ่ยวัฒนพงศ์, อรสุมน ศานติวงศ์สกุล /
ออกแบบกราฟฟิก : พีรเวทย์ กระแสโสม /
ทีมงานเซ็ทอัพและ
สนับสนุน : พี่แอ๋ม, พี่แจ๊ค, พี่อิฐ, พี่ฐาน, พี่ไผ่, ลูกอิน, น้องมายด์, น้องฮิม
ขอขอบคุณ
สถาบันปรีดี พนมยงค์ / พระจันทร์เสี้ยวการละคร / เครือข่ายละครกรุงเทพฯ
นำดื่มตราสิงห์ ผู้สนับสนุนนำดิื่มให้กับ M.Antoine “ทำอย่างไรให้โง่”
08 May 2014
สูจิบัตร ผีแมวดำ
สูจิบัตร “ผีแมวดำ”
เรื่องย่อ
“ผีแมวดำ” ละครแมวที่ไม่มีแมว ดัดแปลงจากบทละครเรื่อง Vinegar Tom ของนักเขียนบทละครหญิงชาวอังกฤษ Caryl Churchil เรื่องราวของการปราบแม่มดในยุคศตวรรษที่ 17 มาเป็นละคร(ที่มี)เพลงลูกทุ่งคนจนแบบบ้านๆ ว่าด้วยเรื่องของแมว ผี กับคน ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่กำลังมีโรคประหลาดที่กำลังออกอาละวาดไปทั่ว
สารจากผู้กำกับ
งานเทศกาลศิลปะนานาพันธุ์ ครั้งที่ 6 หรืองานศิลปะกับสังคม ครั้งที่ 18 : 40 ปี ตุลา 2516 ทำให้นึกถึงบทละครที่เคยได้เรียนวรรณคดีภาษาอังกฤษ ที่ว่าด้วยเรื่อง แม่มด ผี ผู้หญิง และการใช้ความรุนแรง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำงานครั้งนี้
Vinegar Tom เป็นบทละครเฟมินิสต์ชื่อดังที่มีความน่าสนใจตรงที่เล่าเรื่องราวของผู้หญิงจากมุมมองของผู้หญิงในยุคล่าแม่มดซึ่งผู้หญิงถูกกล่าวหา ถูกทรมาน และถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เราหยิบบทละครเรื่องนี้มาแปลและดัดแปลงเป็นภาษาไทย โดยปรับจากการล่าแม่มดมาเป็นการล่าผีในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เราจะได้เห็นตัวละครผู้หญิงหลายแบบและการตัดสินใจที่แตกต่างกัน เริ่มจากเหตุการณ์เล็กๆที่ถูกขยายตัวใหญ่ขึ้นด้วยความไม่ชอบและความกลัวจนกลายเป็นความแปลกแยกต่อกัน ซึ่งทำให้เราเห็นความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบัน
ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ บทละครเรื่องเคยถูกนำเสนอในรูปแบบละครแนว Epic Theatre ซึ่งตรงกับความสนใจของพระจันทร์เสี้ยวการละคร เราจึงอยากทำงานค้นคว้าทดลองในการปรับเปลี่ยนบริบทฝรั่งให้เป็นไทยโดยผ่านการเล่าเรื่องโดยใช้นักแสดง 9 คน ที่จะแสดงเป็นตัวละครหลักและตัวละครอีกหลายตัวละคร โดยผสมผสานด้วยเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่และนำเพลงลูกทุ่งชื่อดังในอดีตมาช่วยเล่าเรื่องและเป็นลูกขัดของเรื่อง เพื่อให้เกิดการทำให้แปลกและไม่แปลกได้ในเวลาเดียวกัน เป็นทั้งการเสียดสีเหมือนกับภาวะความสนุกแบบหรรษาพาไป
รายชื่อนักแสดง
ฟารีดา จิราพันธุ์
เกรียงไกร ฟูเกษม
กวินธร แสงสาคร
ดลฤดี จำรัสฉาย
จิรัชพงศ์ เรืองจันทร์
ลัดดา คงเดช
อรุณโรจน์ ถมมา
กอใจ อุ่ยวัฒนพงศ์
พิชญา ม่วงสุขำ
รายชื่อทีมงาน
กำกับการแสดงและดัดแปลงบท สินีนาฏ เกษประไพ
แปลบท อรดา ลีลานุช
แต่งเพลงและดนตรี นายท่าน จันทร์เรือง
ฝึกร้องเพลง ช่อลดา สุริยะโยธิน
ออกแบบท่าเต้นเพลงลูกทุ่ง สุธี ใจเพ็ง
ออกแบบและควบคุมแสง ทวิทธิ์ เกษประไพ
ควบคุมเสียง สุกัญญา เพี้ยนศรี
กำกับเวที ณัชศลิษฏา วัลย์ณัฐประภา, สุธี ใจเพ็ง, หฤษฎ์ เกิดสงกรานต์
ฝ่ายเทคนิค,ฉาก,อุปกรณ์ประกอบฉาก ทวิธิ์ เกษประไพ, พลัฏ สังขกร, พิชญ์วัฒน์ ชัชวาล, ชัยวัฒน์ คำดี
ฝ่ายเสื้อผ้า สินีนาฏ เกษประไพ, ลัดดา คงเดช, ชาคริยา ถิ่นจะนะ, ณัชศลิษฏา วัลย์ณัฐประภา
ประชามสัมพันธ์ ลัดดา คงเดช
ฝ่ายบัตรและหน้างาน ศรวณี ยอดนุ่น, อรดา ลีลานุช, ชาคริยา ถิ่นจะนะ, ชลดี แจ่มปฐม
ถ่ายภาพนิ่ง จิรัชพงศ์ เรืองจันทร์,อดิเดช ชัยวัฒนกุล, จีรณัทย์ เจียรกุล
สูจิบัตร พิชญ์วัฒน์ ชัชวาล
ทีมงานเซ็ทอัพและสนับสนุน กรุง, อเล็กซ์, มายด์, ลูกแก้ว, อิง, เบญจ์,
ขอบคุณผู้สนับสนุน
สถาบันปรีดี พนมยงค์
ครูคำรณ คุณะดิลก
ผศ.ศรวณีย์ สุขุมวาท
คุณสินธุ์สวัสดิ์ ยอดบางเตย
อ.นพีสี เรเยส
ดร.ปอรรัชม์ ยอดเณร
น้ำดื่มตรา OMIZU
เรื่องย่อ
“ผีแมวดำ” ละครแมวที่ไม่มีแมว ดัดแปลงจากบทละครเรื่อง Vinegar Tom ของนักเขียนบทละครหญิงชาวอังกฤษ Caryl Churchil เรื่องราวของการปราบแม่มดในยุคศตวรรษที่ 17 มาเป็นละคร(ที่มี)เพลงลูกทุ่งคนจนแบบบ้านๆ ว่าด้วยเรื่องของแมว ผี กับคน ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่กำลังมีโรคประหลาดที่กำลังออกอาละวาดไปทั่ว
สารจากผู้กำกับ
งานเทศกาลศิลปะนานาพันธุ์ ครั้งที่ 6 หรืองานศิลปะกับสังคม ครั้งที่ 18 : 40 ปี ตุลา 2516 ทำให้นึกถึงบทละครที่เคยได้เรียนวรรณคดีภาษาอังกฤษ ที่ว่าด้วยเรื่อง แม่มด ผี ผู้หญิง และการใช้ความรุนแรง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำงานครั้งนี้
Vinegar Tom เป็นบทละครเฟมินิสต์ชื่อดังที่มีความน่าสนใจตรงที่เล่าเรื่องราวของผู้หญิงจากมุมมองของผู้หญิงในยุคล่าแม่มดซึ่งผู้หญิงถูกกล่าวหา ถูกทรมาน และถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เราหยิบบทละครเรื่องนี้มาแปลและดัดแปลงเป็นภาษาไทย โดยปรับจากการล่าแม่มดมาเป็นการล่าผีในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เราจะได้เห็นตัวละครผู้หญิงหลายแบบและการตัดสินใจที่แตกต่างกัน เริ่มจากเหตุการณ์เล็กๆที่ถูกขยายตัวใหญ่ขึ้นด้วยความไม่ชอบและความกลัวจนกลายเป็นความแปลกแยกต่อกัน ซึ่งทำให้เราเห็นความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบัน
ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ บทละครเรื่องเคยถูกนำเสนอในรูปแบบละครแนว Epic Theatre ซึ่งตรงกับความสนใจของพระจันทร์เสี้ยวการละคร เราจึงอยากทำงานค้นคว้าทดลองในการปรับเปลี่ยนบริบทฝรั่งให้เป็นไทยโดยผ่านการเล่าเรื่องโดยใช้นักแสดง 9 คน ที่จะแสดงเป็นตัวละครหลักและตัวละครอีกหลายตัวละคร โดยผสมผสานด้วยเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่และนำเพลงลูกทุ่งชื่อดังในอดีตมาช่วยเล่าเรื่องและเป็นลูกขัดของเรื่อง เพื่อให้เกิดการทำให้แปลกและไม่แปลกได้ในเวลาเดียวกัน เป็นทั้งการเสียดสีเหมือนกับภาวะความสนุกแบบหรรษาพาไป
รายชื่อนักแสดง
ฟารีดา จิราพันธุ์
เกรียงไกร ฟูเกษม
กวินธร แสงสาคร
ดลฤดี จำรัสฉาย
จิรัชพงศ์ เรืองจันทร์
ลัดดา คงเดช
อรุณโรจน์ ถมมา
กอใจ อุ่ยวัฒนพงศ์
พิชญา ม่วงสุขำ
รายชื่อทีมงาน
กำกับการแสดงและดัดแปลงบท สินีนาฏ เกษประไพ
แปลบท อรดา ลีลานุช
แต่งเพลงและดนตรี นายท่าน จันทร์เรือง
ฝึกร้องเพลง ช่อลดา สุริยะโยธิน
ออกแบบท่าเต้นเพลงลูกทุ่ง สุธี ใจเพ็ง
ออกแบบและควบคุมแสง ทวิทธิ์ เกษประไพ
ควบคุมเสียง สุกัญญา เพี้ยนศรี
กำกับเวที ณัชศลิษฏา วัลย์ณัฐประภา, สุธี ใจเพ็ง, หฤษฎ์ เกิดสงกรานต์
ฝ่ายเทคนิค,ฉาก,อุปกรณ์ประกอบฉาก ทวิธิ์ เกษประไพ, พลัฏ สังขกร, พิชญ์วัฒน์ ชัชวาล, ชัยวัฒน์ คำดี
ฝ่ายเสื้อผ้า สินีนาฏ เกษประไพ, ลัดดา คงเดช, ชาคริยา ถิ่นจะนะ, ณัชศลิษฏา วัลย์ณัฐประภา
ประชามสัมพันธ์ ลัดดา คงเดช
ฝ่ายบัตรและหน้างาน ศรวณี ยอดนุ่น, อรดา ลีลานุช, ชาคริยา ถิ่นจะนะ, ชลดี แจ่มปฐม
ถ่ายภาพนิ่ง จิรัชพงศ์ เรืองจันทร์,อดิเดช ชัยวัฒนกุล, จีรณัทย์ เจียรกุล
สูจิบัตร พิชญ์วัฒน์ ชัชวาล
ทีมงานเซ็ทอัพและสนับสนุน กรุง, อเล็กซ์, มายด์, ลูกแก้ว, อิง, เบญจ์,
ขอบคุณผู้สนับสนุน
สถาบันปรีดี พนมยงค์
ครูคำรณ คุณะดิลก
ผศ.ศรวณีย์ สุขุมวาท
คุณสินธุ์สวัสดิ์ ยอดบางเตย
อ.นพีสี เรเยส
ดร.ปอรรัชม์ ยอดเณร
น้ำดื่มตรา OMIZU
บทวิจารณ์ ผีแมวดำ
วิจารณ์ ผีแมวดำ
โดย กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิณ
จากนิตยสาร สีสัน ฉบับที่ 3 2556
เนื่องจากเดือนตุลาฯปีนี้เป็นวาระครบรอบ 40 ปีของเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 จึงมีการจัดกิจกรรมเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นกันเป็นพิเศษโดยเฉพาะที่สถาบันปรีดี พนมยงค์ ซึ่งปกติก็มีเทศกาลศิลปะนานาพันธุ์เป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว มาปีนี้ก็เน้นไปที่เนื้อหาด้านการเมืองในระยะ 40 ปี ที่ผ่านมาโดยเฉพาะ
ในส่วนของละคร เทศกาลนี้มีละครให้ดูถึง 3 เรื่อง คือ “ผีแมวดำ” ของพระจันทรืเสี้ยวการละคร “โรมูลุส ออน เดอะร็อค” ของ มรดกใหม่ และ “ไต้ฝุ่น” (The Remains) ของ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
”ผีแมวดำ” เป็นละครแนวเอพิคจากเรื่อง Vinegar Tom ของนักเขียนสตรีชาวอังกฤษ คารีล เชอร์ชิลล์ เนื้อเรื่องอยู่ในยุคสมัยของการล่าแม่มดในอังกฤษ สมัยศตวรรษที่ 17 โดยสอดแทรกเนื้อหาด้านสิทธิสตรีของปลายศตวรรษที่ 20 เข้าไปด้วย สินีนาฏ เกษประไพ นำมาดัดแปลงเรื่องให้เป็นคนไทยในชนบทที่แทบไม่มีกลิ่นอายของฝรั่งเหลืออยู่เลย เป็นละครที่แยกคนดูให้ถอยห่างด้วยวิธีการต่างๆนานา แต่กลับให้ความสะเทือนใจได้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อนึกไปถึงการล่าแม่มดในยุคหลัง 14 ตุลาคม
หมายเหตุ : ตัดบางส่วนมาจาก คอลัมภ์ THEATRE (หน้า 85) นิตยสาร สีสัน ฉบับที่ 3 2556
ภาพถ่ายจากการแสดง "ผีแมวดำ"
ถ่ายโดย จีรณัทย์ เจียรกุล
โดย กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิณ
จากนิตยสาร สีสัน ฉบับที่ 3 2556
เนื่องจากเดือนตุลาฯปีนี้เป็นวาระครบรอบ 40 ปีของเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 จึงมีการจัดกิจกรรมเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นกันเป็นพิเศษโดยเฉพาะที่สถาบันปรีดี พนมยงค์ ซึ่งปกติก็มีเทศกาลศิลปะนานาพันธุ์เป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว มาปีนี้ก็เน้นไปที่เนื้อหาด้านการเมืองในระยะ 40 ปี ที่ผ่านมาโดยเฉพาะ
ในส่วนของละคร เทศกาลนี้มีละครให้ดูถึง 3 เรื่อง คือ “ผีแมวดำ” ของพระจันทรืเสี้ยวการละคร “โรมูลุส ออน เดอะร็อค” ของ มรดกใหม่ และ “ไต้ฝุ่น” (The Remains) ของ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
”ผีแมวดำ” เป็นละครแนวเอพิคจากเรื่อง Vinegar Tom ของนักเขียนสตรีชาวอังกฤษ คารีล เชอร์ชิลล์ เนื้อเรื่องอยู่ในยุคสมัยของการล่าแม่มดในอังกฤษ สมัยศตวรรษที่ 17 โดยสอดแทรกเนื้อหาด้านสิทธิสตรีของปลายศตวรรษที่ 20 เข้าไปด้วย สินีนาฏ เกษประไพ นำมาดัดแปลงเรื่องให้เป็นคนไทยในชนบทที่แทบไม่มีกลิ่นอายของฝรั่งเหลืออยู่เลย เป็นละครที่แยกคนดูให้ถอยห่างด้วยวิธีการต่างๆนานา แต่กลับให้ความสะเทือนใจได้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อนึกไปถึงการล่าแม่มดในยุคหลัง 14 ตุลาคม
หมายเหตุ : ตัดบางส่วนมาจาก คอลัมภ์ THEATRE (หน้า 85) นิตยสาร สีสัน ฉบับที่ 3 2556
ภาพถ่ายจากการแสดง "ผีแมวดำ"
ถ่ายโดย จีรณัทย์ เจียรกุล
ป้ายกำกับ:
พระจันทร์เสี้ยวการละคร,
สินีนาฏ เกษประไพ
เปิดรับบทใหม่ 10 Minute PLaY #3
เปิดรับบทใหม่
10 Minute PLaY #3
พระจันทร์เสี้ยวขอเชิญชวนคนรักการเขียนบทละคร ส่งบทละครสั้นที่เขียนขึ้นใหม่และยังไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน มาเข้ารับการคัดเลือกกับเรา ไม่จำกัดประเด็น ไม่จำกัดประสบการณ์ทางการละครและอายุของผู้เขียน แต่จำกัดความยาวของบทละคร ถ้าหากจัดแสดงควรอยู่ในช่วงเวลา ประมาณ 10-15 นาที
งานนี้ไม่มีโล่และเงินรางวัลหรือประกาศนีบบัตรจะมอบให้ แต่เรามีการจัดกระบวนการเพื่อพัฒนาบท ประสบการณ์จากกระบวนการกลุ่ม ประสบการณ์จากการจัดการแสดงให้ในรูปแบบ play reading และ post talk หลังการแสดง
หากบทละครของคุณมีความน่าสนใจ เราจะเลือกมาเข้าร่วมกระบวนการกลุ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้ดูแลโครงการ ผู้กำกับ และ นักแสดง เพื่อทำการจัดแสดงในรูปแบบการแสดงอ่านบทละคร “10 Minute Play #3″ ซึ่งจะจัดแสดงในวันที่ 5-6 ก.ค. 57 ที่โรงละครพระจันทร์เสี้ยว (สถาบันปรีดี พนมยงค์ ซ.ทองหล่อ)
หากสนใจเข้าร่วมโครงการ โปรดส่งบทละครสั้นของคุณมาทางอีเมล์ crescentmoon.workshop@gmail.com
1.โปรดบอกชื่อจริงและนามสกุลจริง ของผู้เขียน มาในอีเมล์ด้วย
2. เราขอรับเพียง 2 บท จาก 1 ผู้เขียน
เปิดรับบทใหม่ ตั้งแต่ 10 เม.ย. – 31 พ.ค. 57
*** ประกาศผลบทใหม่ 10 มิ.ย. 57 ***
สอบถามเพิ่มเติมที่ 08 1929 4246
https://www.facebook.com/events/630131717066116/
ศรีดาวเรืองกับภาพลวงตาจากเนินมะเฟือง
ภาพลวงตาจากเนินมะเฟือง
ในวาระครบรอบ 72 ปีชีวิตนักประพันธ์หญิงเจ้าของนามปากกา ศรีดาวเรือง คู่ชีวิต สุชาติ สวัสดิ์ศรี หรือ สิงห์สนามหลวง พระจันทร์เสี้ยวการละครได้จัดการแสดงละครเวทีสั้นสองเรื่องควบจากผลงานเขียนของศรีดาวเรือง คือเรื่อง ภาพลวงตาของการเปลี่ยนแปลงสรรพนาม ซึ่งเป็นหนึ่งเรื่องสั้นชิ้นเอกในหลายเรื่อง นวนิยายขนาดสั้น เนินมะเฟือง จากการกำกับของสินีนาฏ เกษประไพ หนึ่งในสมาชิกพระจันทร์เสี้ยวการละครและเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการนำเสนองานละครเวทีของพระจันทร์เสี้ยวร่วมกับสมาชิกคนอื่นของคณะ
การจับเอางานเขียนทั้งสองชิ้นมาทำเป็นละครเวทีเกิดจากการคัดเลือกร่วมกันของสมาชิกพระจันทร์เสี้ยว เพื่อเป็นการฉลอง 6 รอบอายุของศรีดาวเรือง ครบรอบ 38 ปี นามปากกา ศรีดาวเรืองซึ่งก่อเกิดขึ้นมาในโลกวรรณกรรมไทยเมื่อปี พ.ศ. 2518
(ศรีดาวเรือง)
สินีนาฏในฐานะผู้กำกับละครเวทีสั้นทั้งสองเรื่องในชื่อใหม่ที่นำเอาทั้งสองชื่อมาผนวกกันว่า ภาพลวงตาจากเนินมะเฟือง เล่าถึงความประทับใจที่มีต่อผลงานเขียนของศรีดาวเรืองว่าประทับใจตั้งแต่ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตอนนั้นศึกษาอยู่ปี 2 ภาควิชาภาษาอังกฤษ อาจารย์สอนวรรณคดีอังกฤษเป็นผู้แนะนำให้อ่านงานของศรีดาวเรือง ได้อ่าน มัทรี ฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษเป็นเรื่องแรกและรู้สึกประทับใจกับประเด็นทางสังคมรวมทั้งเรื่องผู้หญิงที่นำเสนอ หลังจากนั้นจึงติดตามและหางานชิ้นอื่นๆ มาอ่านแต่ก็ยังอ่านได้ไม่ครบ การทำละครเวทีสั้นสองเรื่องควบ ภาพลวงตาจากเนินมะเฟือง ยากตรงการคัดเลือกเรื่องมานำเสนอในรูปแบบละครเวที ยิ่งอ่านยิ่งทำให้รู้ว่าผู้ประพันธ์เขียนเรื่องราวของผู้หญิงไว้จำนวนหลายเรื่อง เมื่ออ่านงานของศรีดาวเรืองทำให้เห็นทั้งตัวเอง นึกถึงและคิดถึงแม่ ค้นพบรายละเอียดเล็กๆ ของครอบครัว สวัสดิ์ศรี และค้นพบว่าบ้านนี้ชอบรถไฟ
(สินีนาฏ เกษประไพ)
พระจันทร์เสี้ยวได้ลงมือในการกำหนดประเด็นการนำเสนอผลงานละครสั้นจากบทประพันธ์ของศรีดาวเรือง ทุกคนช่วยกันอ่านและสรุปประเด็นหลักๆ ที่ต้องการร่วมกัน คือ ผู้หญิง รถไฟ เมือง-ชนบท จึงตัดสินใจร่วมกันเลือกสองเรื่องข้างต้น ภาพลวงตาของการเปลี่ยนแปลงสรรพนาม เป็นเรื่องที่ยากมากในความรู้สึกของสินีนาฏ มีเรื่องระหว่างบรรทัดเกิดขึ้นมากมาย ในเรื่องพูดถึงความรัก ความใคร่ ความพาฝันของผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและเป็นชนชั้นกลางของสังคมเมือง มีความนิ่งเงียบในน้ำเสียงและบรรยากาศของเรื่องแต่มีความแรงลึก นวนิยายสั้นเรื่องนี้ประพันธ์เมื่อปี พ.ศ. 2530 และเป็นความคิดของผู้หญิงคนหนึ่งที่ล้ำหน้ามากเมื่อเทียบกับยุคสมัยในตอนนั้น
ผู้กำกับเลือกให้บทสนทนาในเรื่องเป็นไปและไหลลื่นไปตามตัวบทประพันธ์ดั้งเดิม ไม่เปลี่ยนคำ คำในเรื่องที่เป็นภาษาวรรณกรรม เน้นให้ตัวละครพูดให้มีความหมายและให้สมจริง เล่าแบบที่บทประพันธ์ต้องการสื่อที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีฉากประกอบง่ายๆ เป็นภาพมัลติมีเดียฉายประกอบเพื่อเป็นฉากรถไฟกำลังแล่น ตัวละครนั่งอยู่ในรถไฟและอยู่ที่ชานชาลา ผู้กำกับเลือกการทำฉากแบบง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนมาก คงเนื้อหาที่แน่นและไม่ตกหล่นประเด็นที่ต้องการนำเสนอ เป็นต้นแบบสำหรับกลุ่มละครต้นทุนน้อยแต่เน้นการทำงานให้ได้คุณภาพ
การเลือกหยิบนวนิยายขนาดสั้นเรื่อง เนินมะเฟือง สอดคล้องกับประเด็นรถไฟ ผู้หญิง เมืองและชนบทเช่นเดียวกับเรื่อง ภาพลวงตาของการเปลี่ยนแปลงสรรพนาม สินีนาฏเลือกเรื่องนี้ที่ให้ทั้งภาพชนบท วัยเด็ก การเติบโต การมาของความเจริญ และสิ่งที่ร่วมกันของผู้หญิงที่เป็นตัวละครในทั้งสองเรื่องที่ผู้กำกับมองเห็นชัดเจนได้แก่ ผู้หญิงจากทั้งสองเรื่องเป็นผู้เลือกชีวิตของพวกเธอเอง ชิ้นงานมีความสวยงาม การเล่าเรื่องเรียบเรื่อย ไม่กระแทกกระทั้น ที่สำคัญคือผู้หญิงในเรื่องเลือกได้แม้มีข้อจำกัดและสิ่งที่พวกเธอเลือกคือสิ่งที่ทำยากมาก
ในส่วนของเจ้าของบทประพันธ์ซึ่งได้มาชมการแสดงทั้งสองเรื่อง รู้สึกพอใจมากกับการทำงานละครสั้นทั้งสองเรื่องนี้ออกมาในรูปแบบละครเวที พระจันทร์เสี้ยวเคยทำภาพยนตร์สั้นเรื่องมัทรีซึ่งนำมาจากบทประพันธ์เรื่อง มัทรี ของศรีดาวเรือง ประเด็นที่ผู้กำกับนำเสนอก็ไม่ผิดไปจากที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อออกมากับผู้อ่าน เมื่อคณะติดต่อว่าจะนำงานเขียนมาจัดแสดงยังนึกภาพไม่ออกว่าจะนำเสนอแบบไหน แต่เมื่อมาชมก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสองเรื่องมีรถไฟเป็นสัญลักษณ์เพื่อจะสื่อกับผู้ชมว่า รถไฟมีทั้งความเจริญ ความชั่วร้าย และอะไรอีกหลายๆ อย่างที่มาพร้อมกับมัน “เรื่องเนินมะเฟืองตอนที่เขียนก็นำมาจากเรื่องและบุคคลใกล้ตัว เป็นเรื่องนินทาตามประสาชาวบ้าน ต้นเรื่องมาจากเรื่องเล่า และคิดว่าผู้หญิงต้องมีสิทธิ์ในการจะตัดสินใจทำอะไรได้ด้วยตัวเองเช่นกัน” ศรีดาวเรืองกล่าวในวันเสวนาหลังละครเวทีทั้งสองเรื่องจบลง
(สิงห์สนามหลวง และ ศรีดาวเรือง)
ความในใจของผู้ประพันธ์ – ศรีดาวเรือง “หมู่บ้านเนินมะเฟืองจะมีอยู่จริงหรือไม่ ฉันไม่ทราบ หมู่บ้านในเรื่องนี้ – สำหรับชื่อ-มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของจินตนาการ ส่วนเนื้อหาที่ปรากฏ – มีอยู่จริง ท่านจะอ่านและสังเกตได้จาก “ข่าวพาดหัว” เท่าที่เคยผ่านตา และน่าจะมีปรากฏขึ้นมาต่อไป
สำหรับฉัน – ฉันมิได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นเพื่อขัดแย้งกับศีลธรรม ฉันเขียนเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่อง “จักรๆ วงศ์ๆ ยุคใหม่” ที่เส้นทางคมนาคมได้กลายเป็นตัวกำหนดบทบาทและค่านิยมของผู้คนในหมู่บ้านห่างไกล
ฉันเขียน เนินมะเฟือง โดยตั้งใจให้เป็นเพียง ภาพร่างเบื้องต้นของชีวิตที่ยังไม่มีรายละเอียด ชีวิตบางส่วนได้จบไป แล้ว บางส่วนกำลังเริ่มต้น - ศรีดาวเรือง, 14 ธันวาคม 2529”
งานประพันธ์ทั้งสองเรื่องของศรีดาวเรืองมีความล้ำสมัยในยุคของเธอตอนนั้น มีความร่วมสมัยเชิงแนวคิด รวมถึงความฉกาจฉกรรจ์ของเธอในการถ่ายทอดประเด็นของแต่ละชิ้นงานออกมา ด้วยเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะของศรีดาวเรือง ภาษาง่าย ตรงไปตรงมาแต่ลึก จังหวะของบทสนทนาลงตัว การหยิบผลงานของนักประพันธ์หญิงผู้นี้มาสื่อสารผ่านช่องทางใหม่ในรูปแบบละครเวที ทำให้คนรุ่นต่อๆ มาได้ย้อนกลับไปศึกษาต้นธารงานประพันธ์ของ ศรีดาวเรือง ที่มีเรื่องสั้นนับร้อยกว่าเรื่อง และนวนิยายอีกจำนวนหนึ่ง กลับไปอ่านครั้งใดจะได้พบกับความคิดชุดใหม่ๆ และเกิดคำถามกับยุคสมัยทั้งสมัยของเธอและสมัยปัจจุบัน หลายเหตุการณ์ในเรื่องก็ยังวนๆ เวียนๆ คลับคล้ายคลับคลากับกาลเวลาในยุคเก่าแม้จะผ่านพ้นมาแล้วเนิ่นนานก็ตามที
เล่าสู่กันฟังโดย นงค์ลักษณ์ เหล่าวอ
ภาพจากการแสดงละครเวที ภาพลวงตาจากเนินมะเฟือง เอื้อเฟื้อโดย พระจันทร์เสี้ยวการละคร
เขียนโดย nonglucky
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=876734
23 July 2013
โปรเจค 1/4 restage at CMU
กลับมาอีกครั้ง...พร้อมเดินทางต่อไป.... ไปแสดงที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
โปรเจค 1/4 เส้นทางระหว่างเขาและเธอ
4 ผู้กำกับ 1 นักเขียนบท กับละครสั้น 4 เรื่อง
"ที่พักใจ"
แสดงโดย : อาคีรา โหมดสกุล, เกรียงไกร ฟูเกษม
"สายน้ำกับสายลม"
แสดงโดย : อรรถพล อนันตวรสกุล, อรดา ลีลานุช
"นี่ไม่ใช่บทเพลงรัก"
แสดงโดย : ชลดี แจ่มปฐม, เบ็น โกศลศักดิ์
"เสียงสะท้อนจากความเงียบ"
แสดงโดย : วรุตม์ เข็มประสิทธิ์, เววิรี อิทธิอนันต์กุล
วันที่ 9-11 สิงหาคม 2556
ร่วมแสดงในงาน
"50 ปี เส้นทางแห่งความภาคภูมิใจของพวกเราชาวภาษาอังกฤษ มช."
ณ อาคาร HB 5 ชั้น 1 ห้อง 5100
คณะมนุษยศาสตร์ มช.
*** รายละเอียดรอบแสดงและการจองบัตร จะประกาศก่อนวันแสดง 2 อาทิตย์ ***
see :
http://www.facebook.com/CrescentMoonTheatre
.......................
เกี่ยวกับผู้เขียนบท
อรดา ลีลานุช
เริ่มสนใจละครเวทีและเข้าร่วมเวิร์คชอปละครเวทีตอนเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จากนั้นได้ทุนไปศึกษาต่อที่ St. Olaf College และจบปริญญาตรีทางด้าน Theatre เริ่มเขียนบทละครเวทีตอนศึกษาระดับปริญญาโทที่ Miami University และจากนั้นก็เขียนบทละครมาตลอด มีผลงานการเขียนบทละครทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและในประเทศไทย ผลงานล่าสุดที่ผ่านมาคือเรื่อง หญิงสาวกับดวงดาว แสดงที่ The Reading Room
----------------
เกี่ยวกับผู้กำกับ
สุกัญญา เพี้ยนศรี
สนใจและเริ่มทำละครตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย ต่อมาเข้าศึกษาต่อและจบจากสาขาวิชาศิลปะการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกการละคร มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา มีผลงานกำกับเรื่อง "Drawing" เข้าร่วมเป็นสมาชิกพระจันทร์เสี้ยวการละครในปี 52 มีผลงานการแสดงและกำกับเรื่อยมา ผลงานกำกับล่าสุดคือ "Fall ร่วง หก ตก หล่น" ซึ่งสร้างสรรค์และแสดงร่วมกับ ศิริธร ศิริวรรณ
รัฐพงศ์ ภิญโญโสภณ
ผู้กำกับและนักเขียนบทประจำคณะ Pastel Theatre เริ่มต้นสนใจละครจากการแสดงเป็นเด็กยกของในเทศกาลละครเล็กๆ ของเครือข่ายหน้ากากเปลือย หลังจากฝึกละครกับเครือข่ายหน้ากากเปลือยอยู่ ๓ ปี จึงเริ่มมีผลงานการเขียนบท และการกำกับการแสดงออกมา เมื่อเริ่มมีแนวทางเป็นของตนเองจึงรวมตัวกับเพื่อน ๓ คนออกมาตั้งกลุ่ม Pastel Theatre จบการศึกษาปริญญาโท ภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และการร่วมงานละครกับกลุ่มละครอาชีพอื่นๆ ผลงานการเขียนบท และกำกับการแสดงที่ผ่านมาในนาม Pastel Theatre คือ เรื่อง “วันที่สหายพายุกลับบ้าน” และผลงานล่าสุด “คิมจองอิลตายแล้ว”
ศิริธร ศิริวรรณ
จบจากภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เคยเข้าอบรมโครงการละคร Do Drama ของคณะมนุษยศาสตร์ สถาบันคลังสมอง และพระจันทร์เสี้ยวการละคร หลังจากนั้นจึงเริ่มทำละครกับภาควิชา ต่อมาได้เข้ามาร่วมเป็นนักทำละครกับพระจันทร์เสี้ยวการละคร มีผลงานที่ผ่านมาโครงการอ่านบทละคร "อ่านในใจ" และผลงานกำกับ "fall ร่วง หก ตก หล่น" ซึ่งสร้างสรรค์และแสดงร่วมกับ สุกัญญา เพี้ยนศรี
เบญจ์ บุษราคัมวงศ์
คุณครูที่รักการทำละคร จบการศึกษาจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สนใจศิลปะ และละครตั้งแต่เป็นนิสิตชั้นปีที่1 และทำงานละครอย่างต่อเนื่องขณะที่เป็นนิสิต เป็นอดีตประธานชมรมศิลปะการแสดงคณะครุศาสตร์ มีผลงานการกำกับละครเรื่อง "จริงเพียงจริง" และ "รอยยิ้มของอลัน" ในเทศกาลละครกรุงเทพฯ 2551เข้าร่วมเป็นสมาชิกพระจันทร์เสี้ยวการละครในปี 2552 มีผลงานการกำกับในโครงการอ่านบทละคร ได้แก่ อ่านเรื่องรัก, อ่านในใจ และอ่านผู้ชาย ปัจจุบันเป็นครูสอนวิชาสังคมศึกษาที่โรงเรียนภัทราวดีมัธยมศึกษา หัวหิน
14 July 2013
"ภาพลวงตาจากเนินมะเฟือง" ที่ ม.บูรพา
พระจันทร์เสี้ยว จะไปร่วมในโครงการ Chance to Change : Film & Stage ที่ ม.บูรพา
โครงการดีๆ ที่จัดขึ้นเพื่อเป็นโอกาสในการได้รับชม และรับฟังความรู้จากศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานต่างๆ มากมาย ทั้งในด้านดนตรีและการแสดง
จัดขึ้นในวันที่ 14-18 , 25-27 กรกฎาคม 2556
สามารถลงชื่อเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่สถาบันวิจัยวัฒนธรรมและศิลปะ มหาวิทยาลัยบูรพา
หมายเหตุ **
เข้าร่วมชมและพูดคุยกับศิลปินผู้สร้างผลงาน ฟรี!!!
see more
http://www.facebook.com/ChanceToChangeFilmAndStage
08 July 2013
เสียงสะท้อนจากเสวนาเรื่องละครโรงเล็ก
สืบเนื่องมาจากการบรรยายพิเศษ “ที่ทางของละครร่วมสมัยไทย ตอน 2 : ละครโรงเล็กในกรุงเทพมหานคร” ในวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2556 เวลา 18:00-21:00 น. ที่ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร นี่เป็นเสียงสะท้อนจากหนึ่งในผู้เข้าฟังในวันนั้น คือ อ.เจตนา นาควัชระ และเราขอขอบพระตุณอาจารย์อีกครั้งสำหรับเสียงสะท้อนที่เป็นกำลังเสริมแรงให้กับเรา
LEAN THEATRE" AND ITS ROLE MODEL
by Chetana Nagavajara
ที่มา : จาก fb อ.เจตนา นาควัชระ
Something must have gone wrong with me. I had in recent years been mored inspired by works of art than by people - until this evening, when I went to hear 5 theatre people talk about their vocation at the Bangkok Art and Culture Centre. The last words pronounced by the moderator, Pradit Prasartthong, inspired me beyond any description: MONEY IS NOT THEIR AIM IN L...IFE. THEY CHOOSE TO DO WHAT THEY LOVE, and their love is the theatre.
Pradit was joined by Sineenat (Crescent Moon), Jarunee (B-Floor), Pavinee (Democrazy Theatre) and Sunond (Pichet Dance Company). The word that came up all the time was rehearsal. I have seen all of them perform and can testify that they never go public with any slapdash work. Normally they don't earn enough to pay themselves artists' fees, but they remain dedicated to their art. They are the "Lean Theatre" that feels no inferiority to the "musical"-fed "Plump Theatre".
I don't admire them just because of the quality of their work (which fortunately has been recognized internationally), but also because of their attitude to life. They deserve to be regarded as the role model for our youth. Alas, the Bangkok Art and Culture Centre is only a few steps away from the most lustrous and most expensive shopping centre in the kingdom (which I shall not deign to name).
It's too late now to get into a weighty and serious discourse. I'll write at greater length later.See more
LEAN THEATRE" AND ITS ROLE MODEL
by Chetana Nagavajara
ที่มา : จาก fb อ.เจตนา นาควัชระ
Something must have gone wrong with me. I had in recent years been mored inspired by works of art than by people - until this evening, when I went to hear 5 theatre people talk about their vocation at the Bangkok Art and Culture Centre. The last words pronounced by the moderator, Pradit Prasartthong, inspired me beyond any description: MONEY IS NOT THEIR AIM IN L...IFE. THEY CHOOSE TO DO WHAT THEY LOVE, and their love is the theatre.
Pradit was joined by Sineenat (Crescent Moon), Jarunee (B-Floor), Pavinee (Democrazy Theatre) and Sunond (Pichet Dance Company). The word that came up all the time was rehearsal. I have seen all of them perform and can testify that they never go public with any slapdash work. Normally they don't earn enough to pay themselves artists' fees, but they remain dedicated to their art. They are the "Lean Theatre" that feels no inferiority to the "musical"-fed "Plump Theatre".
I don't admire them just because of the quality of their work (which fortunately has been recognized internationally), but also because of their attitude to life. They deserve to be regarded as the role model for our youth. Alas, the Bangkok Art and Culture Centre is only a few steps away from the most lustrous and most expensive shopping centre in the kingdom (which I shall not deign to name).
It's too late now to get into a weighty and serious discourse. I'll write at greater length later.See more
ป้ายกำกับ:
โรงละครพระจันทร์เสี้ยว,
ละครโรงเล็ก,
ละครเวที
01 July 2013
เปิดรับสมัครละครลงเทศกาลละครกรุงเทพ 2013
เทศกาลละครกรุงเทพปี ๒๕๕๖
เริ่มเทศกาลวันที่ ๒-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
ณ สวนสันติชัยปราการ โรงละครเล็กทั่วกรุงเทพ และหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
สำหรับผู้ที่สนใจ Download ใบสมัครได้ที่ FB:bangkok theatre festival , bangkok theatre network , เครือข่ายละครกรุงเทพ
ตั้งแต่บัดนี้ ปิดรับใบสมัคร ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖
see more
https://www.facebook.com/BangkokTheatreFestival?ref=ts&fref=ts
https://www.facebook.com/BangkokTheatreFestival?ref=ts&fref=ts#!/BangkokTheatreNetwork.fanpage?fref=ts
30 June 2013
"โปรเจค 1/4" บทวิจารณ์จากนิตยสารสีสัน
"โปรเจค 1/4 เส้นทางระหว่างเขาและเธอ" คัดมาจากนิตยสารสีสัน ปีที่ 24 ฉบับที่ 10 2556
ละคร THEATRES
เขียนโดย กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน
“Project ¼ เส้นทางระหว่างเขาและเธอ” เป็นผลงานล่าสุดของคณะพระจันทร์เสี้ยวการละครซึ่งดูเหมือนจะมีกิจกรรมต่างๆอย่างต่อเนื่อง เป็นละครสั้นสี่เรื่องจากบทละครของ อรดา ลีลานุช กำกับโดยผู้กำกับรุ่นใหม่ 4 คน โดยตัว สินีนาฏ เกษประไพ ไปรับหน้าที่โปรดิวเซอร์
จากการเสวนาหลังละครจบ จึงทำให้ได้รู้ว่าบทของอรดานั้น มีแต่ตัวละครและบทพูด ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ สถานที่ เวลา แต่อย่างใด บทแบบนี้ ผู้กำกับละครชอบกันนัก เพราะให้อิสระในการสร้างภาพอย่างเต็มที่ รวมถึงตอนจบซึ่งเมื่อบทพูดจบไปแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของผู้กำกับเองที่จะตัดสินใจว่าละครจะจบลงอย่างไร
ละครทั้ง 4 เรื่อง แบ่งออกเป็นเป็นเหมือนจริงสองเรื่อง และแอ็บสแทร็คท์ 2 เรื่อง แน่นอนคนดูย่อมรับเรื่องเหมือนจริงได้มากกว่า เพราะมีอะไรจับต้องได้ ในขณะที่แอ็บสแทร็คท์นั้น คนดูได้ใช้จินตนาการร่วมสร้างเรื่องราวขึ้นมาด้วย
“สายน้ำกับสายลม” กำกับโดย สุกัญญา เพี้ยนศรี แสดงโดย อรรถพล อนันตวรสกุล และตัวผู้เขียนบท อรดา ลีลานุช เป็นเรื่องของสามีภรรยาที่ความคิดไม่ตรงกัน จนในที่สุดสามีก็ต้องลงมือทำอาหารด้วยตนเอง ส่วนภรรยาก็ทำหน้าที่ซักผ้ารีดผ้า ดูจากภาพก็เหมือนครอบครัวที่มีความสุข แต่เราก็ได้เห็นความแบ่งแยก และบางครั้งก็มีการก้าวก่ายรุกล้ำซึ่งกันและกัน
เป็นเรื่องที่เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้มากที่สุด ดูได้เพลินที่สุดโดยเฉพาะการแสดงของทั้งคู่ เพราะโดยปกติแล้วทั้ง 2 คน ไม่ใช่นักแสดงตลกจึงออกมาในลักษณะของตลกหน้าตาย ที่ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะได้มากขึ้น
“ที่พักใจ” กำกับโดย ศิริธร ศิริวรรณ แสดงโดย อาคีรา โหมดสกุล และ เกรียงไกร ฟูเกษม ซึ่งทั้ง 2 คนมีชื่อในบทตลกโลดโผนเฮฮา จึงเป็นเรื่องที่คนดูตั้งใจมาฮากันมากที่สุด แต่กลับผิดคาด เพราะเป็นเรื่องของสามีภรรยาอีกคู่ ที่ดูจากภายนอกก็รักใคร่เอาใจใส่กันดี มีชีวิตที่ราบเรียบ ปกติสุข และผู้แสดงทั้ง 2 คน แสดงออกมาเรียบๆเหมือนภาพชีวิตประจำวัน
ในความเรียบง่ายของการแสดงออกนี่เองที่นักแสดงให้เห็นถึงฝีมือของทั้งคู่ วิธีการพูดของทั้ง 2 คนดึงเอาความหมายบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวบทออกมาให้เห็นเด่นชัด กลายเป็นแบล็คคอเมดี้ที่เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้โดยไม่ต้องทำตลก
“นี่ไม่ใช่บทเพลงรัก” กำกับโดย เบญจ์ บุษราคัมวงศ์ แสดงโดย ณัฐนันท์ ประเสริฐรัสมี และเบน โกศลศักดิ์ หนุ่มสาวทั้ง 2 คนมาพบกันในที่แห่งหนึ่งไร้ขอบเขตกว้างขวางว่างเปล่า ทั้ง 2 คนมุ่งหาความหมายบางอย่างและไม่แน่ใจว่าจะรู้ตัวได้พบหรือไม่ หรือจะวนเวียนกันไปอย่างในละคร คือเริ่มต้นและจบลงด้วยภาพเดียวกัน
เบน โกศลศักดิ์ มีลักษณะโรแมนติคแบบฝันๆและมีความเด่นมากเวลาอยู่บนเวที ส่วนณัฏฐนันท์ ก็ดูเปราะบาง อ้างว้าง เหมาะกับเรื่องนี้มาก
“เสียงสะท้อนจากความเงียบ” กำกับโดย รัฐพงศ์ ภิญโญโสภณ แสดงโดย วรุฒม์ เข็มประสิทธิ์ และ เววิรี อิทธิอนันตกุล เป็นคู่ที่เข้ากันได้ดีมาก ทั้งรูปร่างหน้าตา และการรับส่งบท หนุ่มสาว 2 คนที่มาอยู่ด้วยกันในสถานที่ที่ระบุว่าเป็นแพ แต่อยู่ที่ไหนไม่รู้ และดูไม่มีทางออก ในขณะที่คนหนึ่งกำลังตามหาอะไรบางอย่าง อีกคนหนึ่งก็พยายามหลีกหนีไปเหมือนกัน
เรื่องนี้มีจุดเด่นอยู่ตรงเสียงประกอบที่เป็นเสียงปืนดังมาจากภายนอกเป็นระยะๆและเสียงวิทยุรายงานข่าวต่างประเทศเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากันระหว่างฝ่ายรัฐและประชาชน
สองเรื่องหลังนี้ออกแนวแอ็บสแทร็คท์ที่ผู้ชมต้องคิดและตีความเอาเอง แต่การตีความของตัวผู้กำกับเองก็เด่นชัดมาก (เกินไป?) ด้วยการมีของประกอบฉาก องแรกนั้นมีกระดาษพับเป็นรูปเรือแบบที่ใช้ในพิธีกงเต๊ก ส่วนเรื่องที่ 2 นอกจากเสียงประกอบแล้วก็ยังมีตุ๊กตานอนกลาดเกลื่อนอยู่บนพื้นอีกด้วยออกไป
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของละคร 4 เรื่องนี้ ก็คือการใช้พื้นที่ในการแสดง เป็นโรงละครเล็กๆแต่ก็ดูกว้างขวางเมื่อมีผู้แสดงเพียง 2 คน การจัดตำแหน่งและการเคลื่อนไหวของตัวละครจึงต้องทำให้ดู้ต็มเวทีและก็ทำได้ดี โดยเฮพาะทั้ง 4 เรื่องเป็นเรื่องที่ดูไร้ขอบเขตของฉาก แต่กลับต้องแสดงถึงความคับแคบที่ตัวละครต้องการหลบหนี ในส่วนนี้ “นี่ไม่ใช่บทเพลงรัก” ทำได้ดีที่สุด เพราะตามเรื่องแล้วฉากของเขากว้างที่สุด
นอกจากนี้ยังมีการใช้พื้นที่ของโรงละครให้เป็นประโยชน์มากขึ้นกว่าเรื่องอื่นๆที่เคยมาแสดงกันที่นี่ เช่นหน้าต่างกระจกซึ่งปกติจะใช้ม่านปิดเอาไว้ หรือพื้นที่ที่เป็นซอกเล็กๆข้างโรงที่ไม่เคยใช้กันเลย
ที่สำคัญคือโรงละครพระจันทร์เสี้ยวที่ปกติจะรับคนดูได้เพียง 30 คน ในบางรอบต้องจัดที่นั่งให้คนดูถึง 50 คน
ภาพถ่ายโดย
อดิเดช ชัยวัฒนกุล
ป้ายกำกับ:
โปรเจค 1/4,
โรงละครพระจันทร์เสี้ยว,
ละครเวที พระจันทร์เสี้ยว,
ละครสั้น
29 June 2013
“ที่ทางของละครร่วมสมัยไทย ตอน 2 : ละครโรงเล็กในกรุงเทพมหานคร”
การบรรยายพิเศษ “ที่ทางของละครร่วมสมัยไทย ตอน 2 : ละครโรงเล็กในกรุงเทพมหานคร”
วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2556 เวลา 18:00-21:00 น.
ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
กำหนดการ
17.30 น. ลงทะเบียนผู้ร่วมงาน
18.00 น. กล่าวต้อนรับ โดย ฝ่ายกิจกรรมเครือข่าย หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
บรรยาย “ละครโรงเล็ก คืออะไร ทำไมต้องเล็ก” และ ที่มาและที่ไปของละครโรงเล็กในประเทศไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน โดย ประดิษฐ ประสาททอง
19.00 น. ร่วมบรรยายแลกเปลี่ยน “โรงละครขนาดเล็กในกรุงเทพฯ สถานการณ์ในปัจจุบัน” โดย ศิลปินและผู้บริหารโรงละครขนาดเล็ก
คุณภาวิณี สมรรคบุตร (Democrazy Theatre Studio)
คุณสินีนาฏ เกษประไพ (Crescent Moon Space)
คุณจารุนันท์ พันธชาติ (B-floor Room)
คุณสุนนท์ วชิรวราการ (Chang Theatre)
20.00 น. ถาม-ตอบ
see more
https://www.facebook.com/messages/730707041#!/events/533996073331928/?notif_t=plan_edited
27 June 2013
"ภาพลวงตาจากเนินมะเฟือง" บทวิจารณ์จากนิตยสารสีสัน
สองเรื่องกับอีกสองคน
บางส่วนมาจากนิตยสารสีสัน ปีที่ 24 ฉบับที่ 9 2556
ละคร THEATRES เขียนโดย กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน
ปีนี้นักเขียนสตรีชื่อดัง ศรีดาวเรือง มีอายุครบ 72 ปีแล้ว ในวาระนี้ พระจันทร์เสี้ยวการละคร โดยศิลปินศิลปาธร สินีนาฏ เกษประไพ ร่วมฉลองด้วยละครเรื่อง “ภาพลวงตาจากการเปลี่ยนสรรพนาม” และ “เนินมะเฟือง”
สำหรับคนชนบทในยุคก่อนสถานีรถไฟคือศูนย์กลางย่อมๆของชุมชนมีทั้งร้านขายของ ร้านขายหนังสือพิมพ์ พ่อค้าแม่ค้าที่เร่ขายของให้คนบนรถไฟ ผู้คนที่ทั้งไปและมาโดยรถไฟ เรื่องสั้นจำนวนไม่น้อยของศรีดาวเรืองจึงเป็นเรื่องราวของชุมชนนี้และการเดินทางโดยรถไฟ
เรื่องแรกเป็นความรักความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวสองคนจากย่านชานเมืองที่อาศัยรถไฟเป็นพาหนะเดินทางเข้าไปทำงานในเมืองอยู่ทุกวัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มก่อตัวขึ้น โดยมีสายตาของผู้โดยสารจำนวนหนึ่งเป็นประจักษ์พยาน
ศรีดาวเรือง เขียนเรื่องนี้โดยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านสายตาของตัวละครหลายๆคน ทั้งชายหนุ่ม หญิงสาว และผู้โดยสารคนอื่นๆ ซึ่งแต่ละคนก็มีภาพและจินตนาการในมุมมองของตนเอง เห็นและคิดเกี่ยวกับความเป็นไปนั้นแตกต่างกันออกไปตามสายตาของตนเอง ซึ่งในส่วนนี้ละครได้ถ่ายทอดออกมาอย่างชัดเจน โดยบทพูดของตัวละครแต่ละคน ซึ่งทำได้เป็นธรรมชาติมาก เราได้เห็นเรื่องราวดำเนินไปพร้อมๆกับการวิพากษ์จากสายตาที่แตกต่างกันของตัวละคร
หญิงสาวคนนั้นมีสามีแล้วแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคความรักของเธอ ฝ่ายชายไม่กังขาในเรื่องนี้เมื่อเธอเลิกกับสามีก็ดูเหมือนว่าเรื่องจะลงเอยลงด้วยดี ทั้งสองมีโอกาสหลับนอนร่วมกัน แล้วเธอก็ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเขา เลือกที่จะอยู่ตัวคนเดียวพร้อมลูกในครรภ์
ในส่วนการเล่าเรื่องของหญิงสาว เธอไม่ได้พูดถึงเหตุผลอันแท้จริงว่าทำไมเธอจึงไม่ยอมแต่งงานกับเขา เพียงแต่มันเป็นทางเลือกของเธอเท่านั้น ตัวละครตัวอื่นๆก็ไม่สามารถจะให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ได้ เรื่องจบลงด้วยการทิ้งปริศนาให้คนดูเอาไปคิดกันเอง
เรารู้ว่าเธอได้หลับนอนกับเขาหลังจากเลิกกับสามี แต่เธอได้หลับนอนกับเขาก่อนที่จะเลิกกับสามีหรือเปล่า หรือว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้เธอเลิกกับสามี เด็กในท้องของเธอเป็นลูกของเขาหรือของสามี และที่สำคัญ ทำไม เธอจึงปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเขา
“เนินมะเฟือง” เป็นเรื่องราวของผู้คนหลากหลายในชุมชนสถานีรถไฟ ชีวิตของเด็กหนุ่มสาว 4 คน ดำเนินไปที่สถานีรถไฟแห่งนี้ เด็กสาวคนหนึ่งมีอาชีพขายตัว เป็นโสเภณีเด็กก่อนที่จะได้ใช้คำว่านางสาวนำหน้า โดยมีเด็กชายเป็นนายหน้าให้ เด็กสาวอีกคนพบความรักกับครูหนุ่ม แต่พ่อของเธอเรียกค่าสินสอดที่เกินกำลังของครูจนๆ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจหนีเข้าเมืองไปประกอบอาชีพเป็นโสเภณี เด็กสาวคนที่ 3 เป็นคนขี้เหร่ แต่เธอก็ขยันทำมาหากิน และในที่สุดเธอก็ได้พบกับความรัก และมีความสุขในชีวิตสมรส
เรื่องแรกนั้น ดูเป็นเรื่องโรแมนติค มีบทกระจุ๋มกระจิ๋มของหนุ่มสาวให้พร้อมอมยิ้มกันได้ รวมทั้งบทของชาวบ้านบนรถไฟที่มีความหลากหลาย แม้ในตอนท้ายจะเป็นการลาจากกันก็เป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีการคร่ำครวญหวนหา แต่กินใจคนดูพอสมควรทีเดียว ส่วนเรื่องหลังเป็นประเด็นของความจริงในชีวิตที่ค่อนข้างจะแรง แต่ก็ยังคงลักษณะเรียบง่ายเหมือนจริงอยู่ ไม่มีการบีบคั้นอารมณ์ให้ฟูมฟายแต่อย่างไร
แต่ความเหมือนจริงของการแสดงนี่แหละที่ทำให้คนดูต้องสะท้อนในใจ เมื่อมาคิดว่ามันมีอยู่จริงๆโดยเฉพาะประเด็นโสเภณีเด็กในเรื่องหลัง ภาพของเด็กชายหญิงนอนหนุนรางรถไฟคุยกันในยามไม่มีลูกค้าสะเทือนใจคนดูมาก เพราะเห็นว่าสองคนยังเป็นเด็ก และทำทุกอย่างไปเพราะความเป็นเด็กนั่นเอง ความจริงในเรื่องที่ 2 ทำให้ความหวานของเรื่องแรกนั้นกลายเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้นเอง
สินีนาฏ ดึงประเด็นสำคัญจากเรื่องของ ศรีดาวเรือง ออกมาแสดงได้ชัดเจนมากคือความเป็นอิสระของตัวละครฝ่ายหญิง หญิงสาวในเรื่องแรกเป็นคนเลือกที่จะอยู่คนเดียว เป็น sigle mom โดยไม่สนใจความต้องการของฝ่ายชาย เด็กหญิงยึดอาชีพขายตัวโดยไม่มีใครมาบีบบังคับ และเด็กสาวอีกคนก็เช่นกัน เธอตัดสินใจไปขายตัวดีกว่าที่จะยอมเป็นสินค้าให้พ่อขาย
บางส่วนมาจากนิตยสารสีสัน ปีที่ 24 ฉบับที่ 9 2556
ละคร THEATRES เขียนโดย กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน
ปีนี้นักเขียนสตรีชื่อดัง ศรีดาวเรือง มีอายุครบ 72 ปีแล้ว ในวาระนี้ พระจันทร์เสี้ยวการละคร โดยศิลปินศิลปาธร สินีนาฏ เกษประไพ ร่วมฉลองด้วยละครเรื่อง “ภาพลวงตาจากการเปลี่ยนสรรพนาม” และ “เนินมะเฟือง”
สำหรับคนชนบทในยุคก่อนสถานีรถไฟคือศูนย์กลางย่อมๆของชุมชนมีทั้งร้านขายของ ร้านขายหนังสือพิมพ์ พ่อค้าแม่ค้าที่เร่ขายของให้คนบนรถไฟ ผู้คนที่ทั้งไปและมาโดยรถไฟ เรื่องสั้นจำนวนไม่น้อยของศรีดาวเรืองจึงเป็นเรื่องราวของชุมชนนี้และการเดินทางโดยรถไฟ
เรื่องแรกเป็นความรักความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวสองคนจากย่านชานเมืองที่อาศัยรถไฟเป็นพาหนะเดินทางเข้าไปทำงานในเมืองอยู่ทุกวัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มก่อตัวขึ้น โดยมีสายตาของผู้โดยสารจำนวนหนึ่งเป็นประจักษ์พยาน
ศรีดาวเรือง เขียนเรื่องนี้โดยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านสายตาของตัวละครหลายๆคน ทั้งชายหนุ่ม หญิงสาว และผู้โดยสารคนอื่นๆ ซึ่งแต่ละคนก็มีภาพและจินตนาการในมุมมองของตนเอง เห็นและคิดเกี่ยวกับความเป็นไปนั้นแตกต่างกันออกไปตามสายตาของตนเอง ซึ่งในส่วนนี้ละครได้ถ่ายทอดออกมาอย่างชัดเจน โดยบทพูดของตัวละครแต่ละคน ซึ่งทำได้เป็นธรรมชาติมาก เราได้เห็นเรื่องราวดำเนินไปพร้อมๆกับการวิพากษ์จากสายตาที่แตกต่างกันของตัวละคร
หญิงสาวคนนั้นมีสามีแล้วแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคความรักของเธอ ฝ่ายชายไม่กังขาในเรื่องนี้เมื่อเธอเลิกกับสามีก็ดูเหมือนว่าเรื่องจะลงเอยลงด้วยดี ทั้งสองมีโอกาสหลับนอนร่วมกัน แล้วเธอก็ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเขา เลือกที่จะอยู่ตัวคนเดียวพร้อมลูกในครรภ์
ในส่วนการเล่าเรื่องของหญิงสาว เธอไม่ได้พูดถึงเหตุผลอันแท้จริงว่าทำไมเธอจึงไม่ยอมแต่งงานกับเขา เพียงแต่มันเป็นทางเลือกของเธอเท่านั้น ตัวละครตัวอื่นๆก็ไม่สามารถจะให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ได้ เรื่องจบลงด้วยการทิ้งปริศนาให้คนดูเอาไปคิดกันเอง
เรารู้ว่าเธอได้หลับนอนกับเขาหลังจากเลิกกับสามี แต่เธอได้หลับนอนกับเขาก่อนที่จะเลิกกับสามีหรือเปล่า หรือว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้เธอเลิกกับสามี เด็กในท้องของเธอเป็นลูกของเขาหรือของสามี และที่สำคัญ ทำไม เธอจึงปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเขา
“เนินมะเฟือง” เป็นเรื่องราวของผู้คนหลากหลายในชุมชนสถานีรถไฟ ชีวิตของเด็กหนุ่มสาว 4 คน ดำเนินไปที่สถานีรถไฟแห่งนี้ เด็กสาวคนหนึ่งมีอาชีพขายตัว เป็นโสเภณีเด็กก่อนที่จะได้ใช้คำว่านางสาวนำหน้า โดยมีเด็กชายเป็นนายหน้าให้ เด็กสาวอีกคนพบความรักกับครูหนุ่ม แต่พ่อของเธอเรียกค่าสินสอดที่เกินกำลังของครูจนๆ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจหนีเข้าเมืองไปประกอบอาชีพเป็นโสเภณี เด็กสาวคนที่ 3 เป็นคนขี้เหร่ แต่เธอก็ขยันทำมาหากิน และในที่สุดเธอก็ได้พบกับความรัก และมีความสุขในชีวิตสมรส
เรื่องแรกนั้น ดูเป็นเรื่องโรแมนติค มีบทกระจุ๋มกระจิ๋มของหนุ่มสาวให้พร้อมอมยิ้มกันได้ รวมทั้งบทของชาวบ้านบนรถไฟที่มีความหลากหลาย แม้ในตอนท้ายจะเป็นการลาจากกันก็เป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีการคร่ำครวญหวนหา แต่กินใจคนดูพอสมควรทีเดียว ส่วนเรื่องหลังเป็นประเด็นของความจริงในชีวิตที่ค่อนข้างจะแรง แต่ก็ยังคงลักษณะเรียบง่ายเหมือนจริงอยู่ ไม่มีการบีบคั้นอารมณ์ให้ฟูมฟายแต่อย่างไร
แต่ความเหมือนจริงของการแสดงนี่แหละที่ทำให้คนดูต้องสะท้อนในใจ เมื่อมาคิดว่ามันมีอยู่จริงๆโดยเฉพาะประเด็นโสเภณีเด็กในเรื่องหลัง ภาพของเด็กชายหญิงนอนหนุนรางรถไฟคุยกันในยามไม่มีลูกค้าสะเทือนใจคนดูมาก เพราะเห็นว่าสองคนยังเป็นเด็ก และทำทุกอย่างไปเพราะความเป็นเด็กนั่นเอง ความจริงในเรื่องที่ 2 ทำให้ความหวานของเรื่องแรกนั้นกลายเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้นเอง
สินีนาฏ ดึงประเด็นสำคัญจากเรื่องของ ศรีดาวเรือง ออกมาแสดงได้ชัดเจนมากคือความเป็นอิสระของตัวละครฝ่ายหญิง หญิงสาวในเรื่องแรกเป็นคนเลือกที่จะอยู่คนเดียว เป็น sigle mom โดยไม่สนใจความต้องการของฝ่ายชาย เด็กหญิงยึดอาชีพขายตัวโดยไม่มีใครมาบีบบังคับ และเด็กสาวอีกคนก็เช่นกัน เธอตัดสินใจไปขายตัวดีกว่าที่จะยอมเป็นสินค้าให้พ่อขาย
17 June 2013
ภาพบรรยากาศในงานมหกรรมการแสดงแสนหรรษา ครั้งที่ 15
บรรยากาศงานรำลึกครูองุ่น มาลิก หรืองานมหกรรมการแสดงแสนหรรษา ปีนี้จัดกันมาเป็นครั้งที่ 15 แล้ว ปีนี้อบอุ่นและหรรษาเฮฮามาก
รายการแรกเริ่มด้วยนิทานช่วยกันเล่าโดยพี่ๆและเพื่อนพระจันทร์เสี้ยวชักชวนน้องและครอบครัวมาช่วยกันเล่านิทานด้วยกัน สนุกสนานกันมากกับการเล่านิทานไปเล่นไปด้วยกันทั้งห้องประชุม
การแสดงชุดที่สองนี้คือเด็กๆจากโรงเรียนสืบสานศิลปะวัฒนธรรมล้านนา วัดวชิรธรรมสาธิต มาร่วมงานกับเราทุกปี โดยการนำของแม่จำปา แสนพรม
รายการต่อมาคือการแสดงละครหุ่นในโรงเล็กเรื่อง "นกฮูกกับแมวเหมียว" ท่องเที่ยวในทะเล น่ารักเล็กๆในโรงหุ่นจิ๋ว โดยพี่ๆคณะละครยายหุ่น
ละครหุ่นน่ารักทั้งหุ่นและคนเล่าเรื่อง "เจ้าชายกบ" จากคณละครหุ่น Mommy Puppet โดยแม่แก้ม น้องจี้ ครอบครัว และนักดนตรี ที่มาร่วมงานกับเราเป็นครั้งแรกในปีนี้
นักแสดงหลากหลายมากกับเรื่องนี้ "ไก่เกเร" คณะละครยายหุ่น จากพี่ๆพระจันทร์เสี้ยวการละคร ที่แปลงร่างไปเชิดหุ่น แล้วตั้งชื่อคณะว่ายายหุ่น เพื่อเป็นที่ระลึกให้กับ ครูองุ่น มาลิก ที่ทำหุ่นและแสดงละครหุ่นเชิดมือเพื่อเด็กๆ เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย
มหัศจรรย์แสงและเงากับ "กระต่ายกับเต่า" จากพี่ๆกลุ่มมละครมะขามป้อม สนุกสนานกันมากกับการเล่าเรื่อง หุ่นมือ ดนตรี และ หุ่นเงา
และขอขอบคุณผู้ชมที่มาร่วมชมด้วยกันอย่างมีความสุข
รายการแรกเริ่มด้วยนิทานช่วยกันเล่าโดยพี่ๆและเพื่อนพระจันทร์เสี้ยวชักชวนน้องและครอบครัวมาช่วยกันเล่านิทานด้วยกัน สนุกสนานกันมากกับการเล่านิทานไปเล่นไปด้วยกันทั้งห้องประชุม
การแสดงชุดที่สองนี้คือเด็กๆจากโรงเรียนสืบสานศิลปะวัฒนธรรมล้านนา วัดวชิรธรรมสาธิต มาร่วมงานกับเราทุกปี โดยการนำของแม่จำปา แสนพรม
รายการต่อมาคือการแสดงละครหุ่นในโรงเล็กเรื่อง "นกฮูกกับแมวเหมียว" ท่องเที่ยวในทะเล น่ารักเล็กๆในโรงหุ่นจิ๋ว โดยพี่ๆคณะละครยายหุ่น
ละครหุ่นน่ารักทั้งหุ่นและคนเล่าเรื่อง "เจ้าชายกบ" จากคณละครหุ่น Mommy Puppet โดยแม่แก้ม น้องจี้ ครอบครัว และนักดนตรี ที่มาร่วมงานกับเราเป็นครั้งแรกในปีนี้
นักแสดงหลากหลายมากกับเรื่องนี้ "ไก่เกเร" คณะละครยายหุ่น จากพี่ๆพระจันทร์เสี้ยวการละคร ที่แปลงร่างไปเชิดหุ่น แล้วตั้งชื่อคณะว่ายายหุ่น เพื่อเป็นที่ระลึกให้กับ ครูองุ่น มาลิก ที่ทำหุ่นและแสดงละครหุ่นเชิดมือเพื่อเด็กๆ เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย
มหัศจรรย์แสงและเงากับ "กระต่ายกับเต่า" จากพี่ๆกลุ่มมละครมะขามป้อม สนุกสนานกันมากกับการเล่าเรื่อง หุ่นมือ ดนตรี และ หุ่นเงา
รายการสุดท้ายเฮฮาหรรษกับรายการสุดท้ายของเรา Baby Mime Show กับนักละครใบ้อารมณ์ดี ที่ชอบสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชม และยังช่วยนำภาพวาดมาประมูลหารายได้สมทบทุนเข้ามูลนิธิไชยวนาด้วย
มูลนิธิไชยวนา สถาบันปรีดี พนมยงค์ และพระจันทร์เสี้ยวการละครขอขอบคุณเหล่าศิลปินนักเชิดหุ่นที่มาร่วมแสดงและสร้างเสียงหัวเราะและความสุขให้กับเด็กๆและผู้ชมร่วมกันในปีนี้ค่ะ
และขอขอบคุณผู้ชมที่มาร่วมชมด้วยกันอย่างมีความสุข
ป้ายกำกับ:
ครูองุ่น มาลิก,
พระจันทร์เสี้ยว,
ละครใบ้,
ละครหุ่น,
หุ่นเงา
01 June 2013
สูจิบัตรโปรเจค 1/4
"โปรเจค 1/4 เส้นทางระหว่างเขาและเธอ"
4 ผู้กำกับ 1 นักเขียนบท กับละครสั้น 4 เรื่อง
บทละครโดย อรดา ลีลานุช
"นี่ไม่ใช่บทเพลงรัก"
นักแสดง : ณัฎฐนันท์ ประเสริฐรัสมี,เบ็น โกศลศักดิ์
ผู้กำกับ : เบญจ์ บุษราคัมวงศ์
"สายน้ำกับสายลม"
นักแสดง : อรรถพล อนันตวรสกุล, อรดา ลีลานุช
ผู้กำกับ : สุกัญญา เพี้ยนศรี
"เสียงสะท้อนจากความเงียบ"
นักแสดง : วรุตม์ เข็มประสิทธิ์, เววิรี อิทธิอนันต์กุล
ผู้กำกับ : รัฐพงศ์ ภิญโญโสภณ
"ที่พักใจ"
นักแสดง : อาคีรา โหมดสกุล, เกรียงไกร ฟูเกษม
ผู้กำกับ : ศิริธร ศิริวรรณ
ทีมงาน
ดูแลการผลิต สินีนาฏ เกษประไพ อรดา ลีลานุช
ตัดต่อและควบคุมแสง ทวิทธิ์ เกษปะไพ
ออกแบบและควบคุมเสียง พลัฏ สังขกร
กำกับเวที สุธี ใจเพ็ง
บัตรและหน้างาน กอใจ อุ่ยวัฒพงศ์
ประชาสัมพันธ์ ลัดดา คงเดช
ออกแบบโปสเตอร์ อดิเดช ชัยวัฒกุล วิชย อาทมาท
ถ่ายภาพ อดิเดช ชัยวัฒกุล วิชย อาทมาท จีรณัทย์ เจียรกุล
ขอขอบคุณ
สถาบันปรีดี พนมยงค์
น้ำดื่มตราโอมิซึ
และท่านผู้ชมทุกท่านที่สนับสนุนศิลปะการละคร
ป้ายกำกับ:
พระจันทร์เสี้ยว โรงละครพระจันทร์เสี้ยว,
ละครเวที
31 May 2013
ภาพบรรยากาศพูดคุยหลังละคร โปรเจค 1/4
"โปรเจค 1/4"
...เส้นทางระหว่างเขาและเธอ...
เราจัด Post Talk พูดคุยหลังละคร กับ ผู้เขียนบท ผู้กำกับทั้ง 4 เรื่อง และแขกรับเชิญพิเศษ (เฉพาะรอบวันเสาร์) เราจัดสองเสาร์
เสาร์แรก วันที่ 25 พ.ค. 56 พูดคุยกับแขกพิเศษ อ.ภาสกร อินทุมาร คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร
ส่วนครั้งต่อไปคือเสาร์ที่ 1 มิ.ย. 56 แขกพิเศษของเราคือ ครูหนิง อ.พันพัสสา ธูปเทียน คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ หากท่านผู็ชมท่านใดสนใจ อยู่ร่วมแลกเปลี่ยนพูดคุยกับเราได้ค่ะ
Subscribe to:
Posts (Atom)